skin care

เรตินอล ส่วนผสมปราบเซียนในสกินแคร์ ที่สำคัญกับสาวอายุ 20+

July 8, 2021
เรตินอล ส่วนผสมปราบเซียนในสกินแคร์

เรตินอลเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินเอที่ใช้กันทั่วไปในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อช่วยปรับปรุงลักษณะของริ้วรอย รอยย่น และสัญญาณอื่น ๆ ของวัย เรตินอลทำงานโดยการเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับปรุงเนื้อผิว ทั้งยังช่วยปรับปรุงลักษณะที่ปรากฏของจุดด่างดำ รอยดำ และสิว โดยเพิ่มการผลัดเซลล์และลดการอักเสบ เรียกได้ว่าเป็น ส่วนผสมปราบเซียนในสกินแคร์หลาย ๆ ตัวเลยทีเดียว และวันนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้กับ เรตินอล กันให้มากขึ้น

เรตินอล คืออะไร

เรตินอล คือ รูปแบบหนึ่งของวิตามินเอที่เป็นสารในกลุ่มเรตินอยด์ แล้วเรตินอยด์ก็เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเออีกที ปัจจุบันถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในสกินแคร์และผลิตภัณฑ์ปรนนิบัติผิว ประเภท Anti-Aging อย่างแพร่หลาย เพื่อส่งเสริมการผลัดผิวใหม่และเสริมสร้างการผลิตคอลลาเจน (ที่จะเริ่มลดลงในวัย 30 ปี) จึงไม่แปลกที่ส่วนผสมดังกล่าวจะกลายเป็นส่วนผสมสุดฮิตในสกินแคร์หลายตัว หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับการดูแลผิวอย่าง ริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น ขนาดรูขุมขน และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ คุณอาจต้องปรับการใช้เรตินอลให้เป็นสกินแคร์รูทีนแล้วตั้งแต่ตอนนี้! แนะนำ เลือกสกินแคร์ใช้อย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว

การทำงานของเรตินอลทำได้หลายระดับ สามารถออกฤทธิ์ชั้นใต้ผิวหนังในระดับเซลล์ ส่งเสริมการหมุนเวียนของเซลล์โดยเพิ่มอัตราการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งมีผลต่อการสร้างเซลล์ที่ผิดปกติให้กลับไปสู่สภาพปกติ ต่อสู้กับสัญญาณแห่งวัย ช่วยลดและป้องกันการเกิดริ้วรอย เรตินอลไม่ได้เด่นแค่เรื่องของริ้วรอย แต่ยังเด่นในเรื่องรักษาสิว ซึ่งจะช่วยปรับผิวให้ดูเรียบเนียน รูขุมขนดูกระชับ ส่วนหนึ่งเกิดจากไม่มีคอมีโดนอุดอยู่ข้างใน รูขุมขนที่สะอาดจะแลดูเล็กลง ลดการสร้างน้ำมันบนใบหน้า ลดการอักเสบของสิว และลดการเจริญเติบโตของเชื้อ P.acne นอกจากนี้การหมุนเวียนของเซลล์ยังช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอด้วย


ควรเริ่มใช้เรตินอลเมื่ออายุเท่าไหร่

"</p

“อายุ 20 ปลาย ๆ – 30 ต้น ๆ เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะเริ่มใช้เรตินอล” แม้ว่าจะไม่มีเวลากำหนดที่จะใช้เรตินอล แต่อายุ 30 มักเป็นช่วงที่คอลลาเจนจะเริ่มลดน้อยลงตามอายุที่มากขึ้น เมื่อขาดคอลลาเจนผิวจะดูมีริ้วรอยและไม่สดใสเหมือนเดิม แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ใช้ส่วนผสมดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการดูแลผิวช่วงอายุ 20 กลาง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีปัญหาเรื่องสิวหรือผิวคล้ำเสีย

ทั้งนี้ เรตินอลถูกอนุญาตให้ใช้ในเครื่องสำอางได้ตามกฎ FDA ทั่วโลก ส่วนอนุพันธุ์ Retinoic Acid หรือ ที่รู้จักในชื่อการค้าว่า Retin-A ยาทารักษาสิว ที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ ซึ่งมีสถานะเป็นยาไม่ใช่เครื่องสำอาง หากจะใช้ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเท่านั้น เพราะความเป็นยาซึ่งต้องควบคุมและมีความเข้มข้นค่อนข้างสูงอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้


ประโยชน์ของเรตินอล

เรตินอลเป็นวิตามินเอรูปแบบหนึ่งที่ขึ้นชื่อในด้านประโยชน์ในการต่อต้านริ้วรอย จึงมีประโยชน์ต่อผิวหลายประการ ได้แก่

1. ช่วยลดการเกิดรอยเหี่ยวย่น : เรตินอลสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งสามารถช่วยลดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นบนผิวหนังได้ หรือคุณอาจสนใจ วิธีทำให้ผิวหน้าดูกระชับขึ้น

2. ช่วยปรับปรุงเซลล์ผิว : โดยช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ เรตินอลสามารถช่วยปรับปรุงผิวและส่งเสริมให้ผิวเรียบเนียนและสม่ำเสมอยิ่งขึ้น

3. ลดการปรากฏของจุดด่างดำและรอยดำ : เรตินอลสามารถช่วยลดการผลิตเมลานิน ซึ่งจะนำไปสู่การลดลงของจุดด่างดำและรอยดำต่าง ๆ

4. ป้องกันการเกิดสิว : เรตินอลสามารถช่วยลดการอักเสบและเปิดรูขุมขน ทำให้เป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิว หากคุณกำลังประสบปัญหาสิวลอง 9 วิธีป้องกันการเกิดสิว

5. เพิ่มความชุ่มชื้นของผิว : เรตินอลสามารถช่วยปรับปรุงความสามารถของผิวในการกักเก็บความชุ่มชื้น ซึ่งสามารถช่วยปรับปรุงความชุ่มชื้นของผิวและลดความแห้งกร้านและผิวลอกเป็นขุยได้

สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าเรตินอลสามารถระคายเคืองต่อผิวหนังได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย แนะนำให้เริ่มด้วยเรตินอลที่มีความเข้มข้นต่ำและค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นเมื่อผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เรตินอลในตอนกลางคืนและต้องทาครีมกันแดดเสมอในระหว่างวัน เนื่องจากเรตินอลสามารถทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น

คำแนะนำสำหรับวิธีการใช้

  • ควรจะเริ่มใช้จากที่มีความเข้มข้นจากน้อยไปมาก ผลงานวิจัยที่ได้ถูกตีพิมพ์บ่งชี้ว่าเรตินอล ที่มีความเข้มข้นต่ำเพียง แค่ 0.01% ก็มีประสิทธิภาพมากพอที่จะช่วยลดปัญหาริ้วรอยแห่งวัยต่าง ๆ ได้ เพียงใช้เป็นประจำและสม่ำเสมอ
  • ความเชื่อที่ว่า ห้ามใช้ Retinol + AHA/BHA ร่วมกัน ไม่เป็นความจริง เพราะสารสองตัวทำงานต่างกัน เรตินอลจะกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเพื่อสร้างเซลล์ผิวใหม่ ในส่วนของกรด AHA และ BHA ขจัดเซลล์ผิวชั้นบนสุดเพื่อเผยเซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ข้างล่าง สารสองตัวสามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อเผยให้เห็นสีผิวที่สม่ำเสมอและสุขภาพผิวที่ดียิ่งขึ้น
  • สามารถใช้ได้ทั้ง 2 เวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่มักถูกแนะนำให้ใช้ในเวลากลางคืนมากกว่ากลางวัน เพราะเข้าใจว่าผิวจะไวต่อแสงมากกว่า ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่ว่าจะใช้ในช่วงเวลาใดก็ทำให้ผิวไวต่อแสงได้ทั้งนั้น ที่สำคัญอยู่ที่การทาครีมกันแดด ที่มีค่า SFP ไม่ต่ำกว่า 30 ในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อให้ผิวได้ประโยชน์สูงสุด หลังล้างหน้าและซับหน้าให้สะอาดแล้วให้ทาเรตินอล ตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นลำดับสุดท้ายในของขั้นตอนการดูแลผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  • ส่วนใหญ่นิยมใช้ในบริเวณผิวหน้า แต่หากคุณต้องการดูแลเพื่อแก้ปัญหาผิวส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอย่าง บริเวณคอ หัวไหล่ อก หรือ บริเวณหลัง ก็สามารถทำได้เช่นกัน

เรตินอลก็มีผลข้างเคียง

คำแนะนำสำหรับวิธีการใช้

แม้ว่าเรตินอลจะมีคุณสมบัติที่ดีต่อผิวอย่างมากมายและตอบโจทย์ใครหลายคน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะกับทุกสภาพผิว หากคุณเป็นโรคทางผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือกลาก ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการใช้สารดังกล่าว เนื่องจากยาเรตินอลจะออกฤทธิ์แรงเกินไปสำหรับผิว อาจเพิ่มการอักเสบ ความแห้งกร้าน และความไวในผิวที่บอบบางอยู่แล้ว รวมไปถึงคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ อยู่ในช่วงให้นมบุตร หรือผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หากเป็นกรณีนี้ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้จะดีที่สุด

โดยรวมแล้ว เรตินอลสามารถเป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในขั้นตอนการดูแลผิวที่รอบด้าน แต่สิ่งสำคัญคือต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์เสมอ


อ้างอิง