skin

ผิวไหม้แดด บรรเทาอาการผิวถูกแดดเผาอย่างเร่งด่วน ด้วย 8 วิธี

July 8, 2021
ผิวไหม้แดด บรรเทาอาการผิวถูกแดดเผาอย่างเร่งด่วน ด้วย 8 วิธี

ปัญหา ผิวไหม้แดด

ผิวไหม้แดด เป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่พบได้บ่อยและยากที่จะหลีกเลี่ยง รังสี UV สามารถทำลายโมเลกุลที่สำคัญและสร้างความเสียหายให้กับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อผิวสัมผัสกับรังสียูวี เม็ดสีผิวหรือที่เรียกว่าเมลานิน จะทำหน้าที่ปกป้อง DNA ของเซลล์ผิวไม่ให้ถูกทำลาย การผลิตเมลานินจะเร็วขึ้น นั่นเป็นสาเหตุที่ผิวของคุณเปลี่ยนไปเป็นสีแทนเมื่ออยู่กลางแดดไปได้สักพัก น่าเสียดายที่การเมลานินไม่สามารถป้องกันรังสียูวีได้ทุกชนิด และรังสีบางชนิดสามารถเล็ดลอดผ่านเข้ามาบนผิว และสร้างความเสียหายให้กับเซลล์ผิวได้ ทำให้มีการกระตุ้นการผลิตอนุมูลอิสระที่เพิ่มมากขึ้น

การถูกแดดเผาเป็นคำที่ใช้เรียกผิวที่แดง บางครั้งอาจบวมและเจ็บปวด ซึ่งเกิดจากการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดนานเกินไป หรืออยู่ท่ามกลางแดดจัดเป็นเวลานานกว่า 15 นาที โดยไม่ได้รับการปกป้อง หรือตากแดดเป็นเวลายาวนานโดยไม่ทาครีมกันแดดซ้ำ ส่งผลให้เกิดอาการแสบร้อน คัน แดงที่ผิวหนัง มีอาการระคายเคือง เกิดเป็นตุ่มใส และทำให้ผิวหมองคล้ำอย่างเห็นได้ชัด

ความรุนแรงของอาการผิวไหม้

ปัญหา ผิวไหม้แดด

โดยสามารถแบ่งระดับความรุนแรงของอาการ ผิวไหม้แดด ได้ 3 ระดับ คือ

การถูกแดดเผาระดับแรก : อาการของผิวที่ถูกแดดเผาระดับแรก จะมีสีแดงและเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย ผิวจะค่อย ๆ ลอก เนื่องจากการผลัดของเซลล์ผิวหนัง เป็นการทำลายผิวหนังชั้นนอกและจะหายเองภายใน 2-3 วัน หลังจากนั้นอาการจะดีขึ้นตามลำดับ

การถูกแดดเผาระดับที่สอง : อาการของผิวไหม้แดดระดับที่สอง จะรู้สึกแสบคัน ผิวแดง บวม และรู้สึกเจ็บปวดเมื่อสัมผัสผิวบริเวณที่ถูกแดดเผา การถูกแดดเผาในระดับนี้อาจสร้างความรุนแรงทะลุผ่านผิวจากหนังกำพร้าลงไปจนถึงชั้นหนังแท้ ทำให้ชั้นใต้ผิวหนังเกิดความเสียหาย อาจต้องใช้ระยะเวลา 5-7 วัน ในการเฝ้าระวังและฟื้นบำรุงเพื่อให้ผิวกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

การถูกแดดเผาระดับรุนแรง : อาการของผิวไหม้แดดระดับสุดท้ายที่ถือว่ารุนแรงที่สุด จะมีอาการปวดแสบปวดร้อนที่ผิวหนังมากกว่าปกติ มีอาการแดง คัน และมีตุ่มน้ำใส ๆ ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำและแนวทางการดูแลรักษาผิวไหม้แดดอย่างถูกวิธี อาจใช้เวลามากกว่า 2 สัปดาห์ ในการฟื้นบำรุงผิวไหม้แดดและหมองคล้ำ

การถูกแดดเผาเป็นคำที่ใช้เรียกผิวที่แดง บางครั้งอาจบวมและเจ็บปวด ซึ่งเกิดจากการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดมากเกินไป การถูกแดดเผาอาจแตกต่างกันตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง ด้วยสภาพแวดล้อมและแสงแดดที่แรงจัดที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในบางเวลา ส่งผลให้ผู้ที่ต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นระยะเวลานานเกิดปัญหาผิวไหม้แดดหรือผิวคล้ำเสียสะสมขึ้น หากแต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราจะมีวิธีการดูแลและฟื้นบำรุงผิวในขั้นต้นด้วยตัวเองง่าย ๆ ได้อย่างไรบ้าง นอกจากนี้กันแดดอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แนะนำ 3 ตัวช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV


รักษาผิวไหม้แดดแบบเร่งด่วน

ไม่ว่าผิวที่ถูกทำร้ายจากแดดของคุณจะอยู่ในระดับใด คุณจำเป็นต้องมีวิธีการบรรเทาความเจ็บปวดที่ง่ายและรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าอาการผิวไหม้จากแดดสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ระหว่าง 2 -3 หรืออาการอาจลากยาวนานไปจนถึงหลายสัปดาห์ ซึ่งเราต้องบอกคุณตรง ๆ ว่า ไม่มีวิธีแก้ผิวไหม้จากแดดให้หายในชั่วข้ามคืน! มีเพียงบางวิธีที่คุณสามารถทำได้เพื่อบรรเทาอาการอย่างรวดเร็ว โดยต้องเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่คืนความชุ่มชื้นให้กับผิว เช่น โลชั่นและครีม

รักษาผิวไหม้แดดแบบเร่งด่วน 

  • การบรรเทาอาการปวด – การบรรเทาอาการปวดที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ เช่น ไอบูโพรเฟน หรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและลดอาการบวมได้
  • ปรับอุณหภูมิในร่างกาย – ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ หรือผ้าขนหนู หรืออาบน้ำเย็นเพื่อลดความร้อนในร่างกาย โดยหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ในบริเวณที่ถูกแดดเผา
  • ดื่มน้ำปริมาณมาก – เพื่อปรับอุณภูมิผิวหลังโดนแดด แต่ถ้าไม่สามารถดื่มได้อย่างรวดเร็ว ให้ทานของว่างในผักและผลไม้ที่ให้ความชุ่มชื้น เช่น แตงโม แตงกวา สตรอเบอร์รี่ มะเขือเทศ เกรปฟรุต และแคนตาลูป ซึ่งทั้งหมดนี้มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากกว่า 90%
  • ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ – เพิ่มความชุ่มชื้นและสมานแผลให้กับผิว เช่น ครีมที่ช่วยให้ผิวกระตุ้นสร้างมอยส์เจอร์ไรเซอร์ในชั้นผิวได้เอง มองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สี และน้ำหอมที่อาจระคายเคืองต่อผิวหนังได้อีก หรือ ใช้ว่านหางจระเข้ เพื่อสมานแผลได้จากต้นแบบสด ๆ หากผิวขาดความชุ่มชื้นแห้งกร้าน คุณอาจต้องมองหา สกินแคร์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้
  • ถุงผักแช่แข็ง – หากจำเป็นจริง ๆ คุณสามารถเอาถุงถั่วแช่แข็งที่อยู่ในตู้เย็นมาใช้ประคบเย็นได้ เพื่อที่จะไม่ให้น้ำแข็งสัมผัสกับผิวหนังโดยตรง อย่าลืมห่อด้วยผ้าขนหนูก่อนนำไปใช้งาน
  • ใช้สมุนไพรที่บรรเทาอาการผิวไหม้ – มีสมุนไพรบางชนิดที่ช่วยบรรเทาอาการผิวไหม้ได้ เช่น กล้วยหอมที่ถูกบดละเอียดแล้วนำมาทาให้ทั่วผิวหนัง เพราะกล้วยหอมเป็นต้นไม้ที่มีสรรพคุณในการลดอาการอักเสบและบรรเทาอาการผิวไหม้ หรือเนื้อของว่านหางจระเข้
  • อย่าแกะหรือเกาแผล – หากผิวของคุณได้รับการแดดเผาหรือไหม้แดด เกาะผิวแผลอย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ลุกลามมากกว่าเดิม
  • เลือกผลิตภัณฑ์ทาผิวด้วยความระมัดระวัง – ควรป้องกันการโดนแดด โดยใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF สูงและทาให้ครอบคลุมบริเวณที่ถูกแดด เช่น ใบหน้า แขน ขา ลำคอ และเท้า เพื่อป้องกันการเผาหรือไหม้ ขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์กันแดดสําหรับคนเป็นสิว

หากแผลไหม้บางส่วนนั้นรุนแรงเกินกว่าจะรักษาที่บ้านได้ มีอาการคลื่นไส้ หนาวสั่น มีไข้ หน้ามืด พุพองเป็นวงกว้าง รู้สึกอ่อนแรง  มีอาการคันรุนแรง หรือหากแผลไหม้นั้นดูเหมือนจะลามออกไป นั่นหมายความว่าอาจมีการติดเชื้อได้ ให้รีบปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด


อ้างอิง

skin

ขัดผิวขาว ด้วยสครับแบบไหนดี : พร้อมให้คำแนะนำ & ประโยชน์

July 8, 2021
ขัดผิวขาว ด้วยสครับแบบไหนดี

การ ขัดผิวขาว จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และช่วยให้บริเวณผิวหยาบกร้าน หรือเป็นรอยแดง รอยดำ ดีขึ้นได้ ซึ่งสามารถเลือกทำได้สักสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ซึ่งการใช้สครับเพื่อดูแลผิวนั้นแนะนำให้เลือกสครับที่มีส่วนผสมธรรมชาติและไม่มีสารเคมีที่อาจทำให้เกิดผิวแพ้ง่าย เช่น สครับที่มีสารสกัดจากพืชอย่าง แตงกวา มะเขือเทศ น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว หรือมีส่วนผสมของวิตามินซี วิตามินอีเพื่อช่วยเสริมสร้างความกระจ่างใสและผิวขาวใส เป็นต้น นอกจากนี้ การดูแลผิวอย่างเหมาะสม รวมถึงการใช้ครีมกันแดด และเลือกทานอาหารที่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวยังช่วยบำรุงให้ผิวสวยสุขภาพดีได้ด้วย

การสครับผิวเพื่อผิวขาว

การสครับผิว เป็นการทรีตเมนต์ร่างกายเพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้วให้กลับมาเนียนนุ่ม และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว การขัดผิวโดยทั่วไปมาจากการผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลหรือเกลือเป็นส่วนผสมหลัก แม้ว่าสครับบางสูตรจะสามารถ DIY ทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน แต่ขนาดของเกลือและน้ำตาลที่หยาบอาจทำให้บาดผิวได้ ต่างจากสครับคุณภาพสูงที่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวขาวตามธรรมชาติ ผลที่ได้ก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก หากต้องการ ขัดผิวขาว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตามร้าน นอกจากจะช่วยขัดผิวให้ดูโกล์วเหมือนได้ผิวใหม่แล้วยังไม่ทำให้เกิดการเสียดสีหรือบาดผิวได้อีกด้วย และช่วย แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ให้กลับมาดูสดใสจากภายในสู่ภายนอกได้

เพราะแค่อาบน้ำกับทาครีมอาจยังไม่พอ การขัดผิวเป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้ผิวกลับมาดูสดใสและมีสุขภาพดี สครับผิวเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการผลัดเซลล์ผิว มีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมากมายตามห้างสรรพสินค้า หรือหากต้องการประหยัดจะทำสครับร่างกายแบบโฮมเมด โดยใช้ส่วนผสมที่มีอยู่แล้วที่บ้านโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มก็ได้เช่นกัน

ร่างกายต้องการการผลัดเซลล์ผิวเพื่อให้มีความนุ่ม เรียบเนียน และมีสุขภาพดี ไม่ต่างจากอะไรจากผิวหน้า หากการดูแลร่างกายในปัจจุบันมีแค่ใยบวบและสบู่ก้อน ถึงเวลาที่ต้องยกระดับการดูแลตัวเองให้มากขึ้นแล้ว และนี่คือข้อมูล & ประโยชน์ของการขัดผิวที่จำเป็นต้องรู้ก่อนจะเริ่ม ขัดผิวขาว


ประโยชน์ของการขัดผิวกาย

ขัดผิวขาว การสครับผิวเพื่อผิวขาว

การขัดผิวด้วยการสครับร่างกายมีประโยชน์หลายอย่างสำหรับผิว ได้แก่

  • ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว – การสครับผิวหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประเภทอื่น ๆ ด้วยแปรงหรือใยบวบ ช่วยทำให้ผิวของคุณดูสว่างขึ้น เพราะเซลล์ผิวที่ตายถูกขจัดออกไป นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนซึ่งอาจช่วยให้ผิวของคุณกระชับและเปล่งปลั่งมากขึ้น รวมถึงทำให้ ผิวแตกลาย ดีขึ้นได้ด้วย
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทาครีม ครีมจะซึมซาบเข้าสู่ผิวมากกว่า เป็นการบำรุงที่ล้ำลึกและมีประสิทธิภาพมากกว่าการทาแต่ครีมเพียงอย่างเดียว ที่ผ่านมาหากขัดผิวขาวและใช้ครีมเพื่อความขาว แต่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ใด ๆ อาจเป็นเพราะครีมที่ทากองอยู่แค่บนผิวก็เป็นได้
  • ผิวเรียบเนียนขึ้นและใสขึ้น – การขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วสามารถช่วยให้ผิวหยาบกร้านเรียบเนียนขึ้น ทำให้รู้สึกนุ่มนวลและเรียบเนียน อีกทั้งยังช่วยเผยสีผิวที่สว่างใสและสม่ำเสมอยิ่งขึ้น
  • ลดรอยแผลเป็นจากสิว – ช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิวและรอยด่างดำของผิว แม้ว่าจะไม่ถูกลบออกทั้งหมดแต่ก็จะจางลง สครับช่วยส่งเสริมกระบวนการผลัดผิวตามธรรมชาติ การขัดผิวจะขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและช่วยให้ผิวฟื้นคืนความอ่อนเยาว์
  • ผ่อนคลาย ลดความกังวล – หากคุณกำลังเหนื่อยหรือรู้สึกเครียด การนวดผิวด้วยการสครับผิวถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ยอดเยี่ยมในการให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายและรู้สึกสงบขึ้น

สิ่งสำคัญคือต้องใช้เลือกผลิตภัณฑ์ขัดผิวที่อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการขัดผิวมากเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง แห้งกร้าน และเสียหายได้ง่าย รวมถึงอย่าลืมบำรุงและปกป้องผิวจากแสงแดดหลังการขัดผิวด้วย เนื่องจากผิวอาจไวต่อการทำลายของรังสียูวีมากขึ้น


สครับน้ำตาล vs เกลือขัดผิว แบบไหนดีกว่า

สครับน้ำตาล

สครับน้ำตาลเป็นผลิตภัณฑ์ขัดผิวประเภทหนึ่งที่ทำจากน้ำตาลทรายและส่วนผสมอื่น ๆ เช่น น้ำมันหรือน้ำมันหอมระเหย เม็ดน้ำตาลทำงานเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิว ในขณะที่น้ำมันช่วยให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิว เม็ดของน้ำตาลมีลักษณะกลมและมีฤทธิ์กัดกร่อนน้อยกว่าเกลือ มีประโยชน์ในการขัดผิวบริเวณที่บอบบาง เช่น ใบหน้า คอ หรือ หน้าอก ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน แหล่งธรรมชาติของกรดไกลโคลิก ( AHA ) ในน้ำตาลจะทำลายชั้นผิวที่ตายแล้วและทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

หากใช้สครับที่มีส่วนผสม เช่น มะเขือเทศ ก็จะเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว เพราะ AHA และวิตามินซี ในมะเขือเทศช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ หรือ จะเป็นขมิ้นชัน ที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมบ่อย ๆ เพราะเผยให้เห็นผิวที่ขาวผ่องและใสเนียน นอกจากนี้น้ำตาลยังเร่งการคืนความชุ่มชื้น รักษาสภาพผิว และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว

สครับน้ำตาลสามารถใช้ได้กับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงใบหน้า ริมฝีปาก และร่างกาย เพื่อช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น เนียนนุ่มขึ้น การขัดผิวด้วยน้ำตาลยังช่วยปรับปรุงลักษณะของแผลเป็น ผิวแตกลาย และความไม่สมบูรณ์ของผิวอื่น ๆ ได้ด้วย สครับน้ำตาลจึงเป็นตัวเลือกยอดฮิตต้น ๆ ในการนำไปสครับผิว

เกลือขัดผิว

เกลือขัดผิว

เกลือขัดผิวเป็นผลิตภัณฑ์ขัดผิวอีกประเภทหนึ่งที่ทำจากผลึกเกลือและส่วนผสมอื่นๆ เช่น น้ำมันหรือน้ำมันหอมระเหย เช่นเดียวกับการขัดผิวด้วยน้ำตาล การขัดผิวด้วยเกลือจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากชั้นผิว และส่งเสริมผิวที่สว่างขึ้น เรียบเนียนขึ้น และนุ่มนวลขึ้น

เกลือขัดผิวมักจะมีขนาดที่หยาบกว่าน้ำตาล มีประโยชน์ในการขัดผิวบริเวณที่หยาบกร้าน เช่น เท้า หัวเข่า ข้อศอก หรือร่างกาย หากมีส่วนผสมของธรรชาติ อย่าง มะขาม น้ำผึ้ง ก็สามารถช่วยทำให้ผิวขาวใสและสีผิวสม่ำเสมอได้ และเกลือยังมีคุณสมบัติในการล้างพิษ มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวมันหรือเป็นสิวง่าย เนื่องจากผลึกเกลือสามารถช่วยเปิดรูขุมขนและขจัดน้ำมันส่วนเกินออกจากผิวได้ ช่วยดึงสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนลดโอกาสการเกิดสิวชนิดต่าง ๆ ช่วยเติมพลังให้ผิว ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวมีสุขภาพดีที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ควรขัดผิว​แรงเกินไป เพราะอาจเพิ่มโอกาสการเป็นสิว และผิวหนังอาจเกิดการอักเสบได้

หากคุณเลือกใช้สครับจากน้ำตาลหรือเกลือขัดผิว สิ่งสำคัญคือต้องใช้อย่างเบามือและทำไม่เกินหนึ่งหรือสองครั้งต่อสัปดาห์เพื่อลดความเสี่ยงต่อการระคายเคืองและความเสียหายของผิวหนัง และขอแนะนำให้เลือกสครับที่มีส่วนผสมธรรมชาติและไม่มีสารเคมีที่อาจทำให้เกิดผิวแพ้ง่าย และควรทำการขัดผิวอย่างอ่อนโยน หมั่นบำรุงผิวหลังการขัดผิวด้วย เลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิว เพื่อลดความเสี่ยงในการทำให้ผิวแห้ง และหมดปัญหาการเกิดผลข้างเคียงได้


อ้างอิง

skin

ผิวแตกลาย ไม่เลเซอร์มีโอกาสหายได้ไหม ทำอย่างไร

July 8, 2021
ผิวแตกลาย ไม่เลเซอร์มีโอกาสหายได้ไหม ทำอย่างไร

ผิวแตกลาย เกิดจาก

ผิวแตกลาย เป็นแผลชนิดหนึ่งที่สังเกตเห็นได้ง่าย เกิดจากการที่ผิวหนังบริเวณนั้น ๆ เกิดการยืดขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น คุณแม่หลังคลอด, ผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนัก มีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักไวเกินไป, การเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน, ผู้ที่เล่นกล้าม, ผิวแห้ง, การใช้สเตรียรอยด์ ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้มีการฉีกขาดของผิวหนังแท้และเป็นรอยแตกออกมา รอยแตกของผิวนี้มักเกิดในบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่มาก เช่น ต้นแขน หน้าอก หน้าท้อง ต้นขา สะโพก และน่อง อาการเริ่มแรกของผิวแตกลายนั้น ผิวหนังมักจะเป็นเส้นสีแดงหรือม่วง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแลรักษา จะมีสีอ่อนลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นสีขาวขุ่น 

ลักษณะของรอยแตกลาย

ผิวแตกลาย เกิดจาก

การดูแลผิวเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับหลาย ๆ คน แต่บางครั้งผิวอาจจะแตกลายได้ ซึ่งสาเหตุอาจมาจากหลายสิ่ง เช่น อากาศที่แห้งแล้ง การอาบน้ำร้อนเกินไป การใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ไม่เหมาะสม ปัจจัยอื่น ๆ หรืออาจเป็นเพราะสภาพอากาศต่าง ๆ ที่ผิวไม่ชอบ เช่น อากาศหนาวจัด หรืออากาศที่มีความชื้นสูง มาดู 5 ขั้นตอนที่คนเกาหลีใช้ดูแลผิวในตอนเช้า กัน

รอยแตกลายบนผิวหนังมักจะมีลักษณะเป็นร่องหรือเป็นลายเส้นขนาน มีความสัมพันธ์กับคำว่า Striae ที่แปลว่า ร่องหรือลายเส้นขนาน อาการเริ่มแรกของผิวแตกลาย คือผิวหนังจะเกิดรอยเป็นเส้นสีแดงหรือม่วง จากนั้นจะมีสีอ่อนลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นสีขาวขุ่น ผิวแตกลายอาจเรียกอย่างจำเพาะเจาะจงตามลักษณะอาการที่ปรากฏ อาทิ

 

  • Striae rubra: มีลักษณะเป็นลายเส้นขนานสีแดง เป็นรอยแตกลายที่พบได้ในระยะแรก
  • Striae distensae: มีลักษณะเป็นลายเส้นขนานจากการยืด อาจเป็นสีชมพูหรือสีม่วง
  • Striae atrophicans: มีลักษณะเป็นลายเส้นขนานโดยมีอาการผิวฝ่อ พบในคุณแม่หลังคลอด หรือผู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว
  • Striae alba: มีลักษณะเป็นลายเส้นขนานสีขาว เป็นรอยแตกของผิวที่เปลี่ยนจากเส้นสีแดงมาเป็นสีขาว มักพบในระยะหลัง 

หากคุณมีปัญหา ผิวแตกลาย สิ่งที่ควรทำคือดูแลผิวอย่างเหมาะสม ให้ผิวมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจทำให้ผิวแห้งขึ้น และอย่าลืมใช้ครีมกันแดดเพื่อป้องกันการเสียดสีผิว เพราะแสงแดดก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวแตกลายได้ หรือหากผิวคุณขาดความชุ่มชื่น ลองมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้


วิธีแก้ผิวแตกลาย

ปกติรอยแตกลายไม่มีผลต่อสุขภาพร่างกาย จะมีแค่เรื่องความสวยความงาม แต่อาจพบว่าผิวที่มีรอยแตกลายมาก ๆ อาจฉีกขาดได้ง่ายกว่าปกติ เมื่อผิวได้รับบาดเจ็บ ในส่วนรอยแตกลายในวัยรุ่นอาจจางลงได้บ้างเมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ อย่างไรก็ตามสำหรับวิธีแก้ ผิวแตกลาย สามารถเลือกทำได้ 2 วิธี คือ ทำด้วยตัวเองในกรณีที่ไม่อยากเลเซอร์ หรือใครที่ต้องการรักษาโดยใช้เทคนิคการแพทย์ แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์หรือคลินิกที่เชี่ยวชาญเพื่อผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีสุด

1. ลดรอยแตกลายด้วยตัวเอง

  • ดูแลร่างกาย ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น วิตามินซี อาหารจำพวก นม เนย ตับ ปลา เป็นต้น และอาหารที่มีวิตามินซีสูง เพราะวิตามินซีมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนซึ่งช่วยสร้างความยืดหยุ่นและชุ่มชื่นให้กับผิว หมั่นออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายสมส่วน ผิวพรรณมีความยืดหยุ่น ระดับฮอร์โมนสมดุลจะสมดุลมากขึ้น ทำให้ลดปัญหาผิวแตกลายได้
  • ควรดื่มน้ำในปริมาณที่มากพอและเพียงพอต่อร่างกาย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและสร้างสมดุลความยืดหยุ่นให้กับผิว และหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
  • ทาครีมบำรุง การใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยแตกลาย น้ำมันจากธรรมชาติ หรือ การใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ในบริเวณแตกลายเป็นประจำทุกวัน หลังอาบน้ำ ก่อนนอน อย่าปล่อยให้ผิวแห้งเด็ดขาด ความสม่ำเสมอในการทาจะช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น การใช้ยาทารักษารอยแตกลายจะได้ผลเฉพาะรอยแตกลายที่เกิดใหม่ คือยังคงมีสีแดงหรือม่วงเท่านั้น เนื่องจากยังคงมีหลอดเลือดทำงานอยู่ซึ่งทำให้พวกมันตอบสนองต่อการรักษาได้ดีขึ้น หากกำลังตั้งครรภ์ให้หลีกเลี่ยงในส่วนผสมของ เรตินอยด์ เรตินอล หรือวิตามินเอ เพราะอาจอันตรายต่อทารกได้
  • การบํารุงผิวด้วยวิธีธรรมชาติก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เช่น การนวดผิวหน้าโดยใช้น้ำมันจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว หรือเบบี้ออยล์ เป็นต้น เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและไม่แตกลาย
  • การใช้สมุนไพรธรรมชาติในการฟื้นฟูผิวแตกลาย เช่น ใช้สมุนไพรที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากเปลือกต้นกาแฟ ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดการเกิดริ้วรอยบนผิว หรือใช้สมุนไพรอย่างมาส์กมะขามมาขัดผิวจะช่วยให้ผิวดูกระชับและชุ่มชื่นขึ้น แนะนำ เลือกใช้สครับแบบไหนดี

วิธีแก้ ผิวแตกลาย

2. เข้ารับการรักษาโดยแพทย์

  • การทำเดอร์มาโรลเลอร์ (Dermaroller) การใช้เครื่องมือกลิ้งบริเวณผิวที่ต้องการ เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ช่วยทำลายพังผืด ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น เป็นวิธีที่ช่วยลดรอยแตกลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การเลเซอร์ไอพีแอล (Intensed Pulsed Light – IPL) ใช้แสงความเข้มข้นสูงยิงบริเวณผิวที่เป็นรอย เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับให้สีผิวสม่ำเสมอหรือจะเป็นการเลเซอร์สร้างผิวใหม่ก็ได้เช่นกัน
  • การทำเมโสเธอราพี (Mesotherapy) รักษารอยแตกลาย เป็นการใช้เข็มกระตุ้นส่งยาเข้าไปในชั้นผิวเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสมานรอยแตกลายของผิว
  • ฉีดคาร์บ็อกซี่ (Carboxytherapy) เป็นการรักษาโดยการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใช้ในในทางการแพทย์ที่ชั้นหนังแท้ตามแนวร่องแตกลายของผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและคอลลาเจนใต้ผิวให้ตึงกระชับ นอกจากจะช่วยเรื่องการรอยแตกลายแล้วยังช่วยสลายไขมันส่วนเกินที่ต้องการได้อีกด้วย

สุดท้ายนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการดูแลรักษาผิวอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับผิว และดูแลผิวอย่างต่อเนื่องด้วยวิธีการที่เหมาะสมเพื่อให้ผิวแข็งแรงและสวยงาม


อ้างอิง

skin care

เรตินอล ส่วนผสมปราบเซียนในสกินแคร์ ที่สำคัญกับสาวอายุ 20+

July 8, 2021
เรตินอล ส่วนผสมปราบเซียนในสกินแคร์

เรตินอลเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินเอที่ใช้กันทั่วไปในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อช่วยปรับปรุงลักษณะของริ้วรอย รอยย่น และสัญญาณอื่น ๆ ของวัย เรตินอลทำงานโดยการเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับปรุงเนื้อผิว ทั้งยังช่วยปรับปรุงลักษณะที่ปรากฏของจุดด่างดำ รอยดำ และสิว โดยเพิ่มการผลัดเซลล์และลดการอักเสบ เรียกได้ว่าเป็น ส่วนผสมปราบเซียนในสกินแคร์หลาย ๆ ตัวเลยทีเดียว และวันนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้กับ เรตินอล กันให้มากขึ้น

เรตินอล คืออะไร

เรตินอล คือ รูปแบบหนึ่งของวิตามินเอที่เป็นสารในกลุ่มเรตินอยด์ แล้วเรตินอยด์ก็เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเออีกที ปัจจุบันถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในสกินแคร์และผลิตภัณฑ์ปรนนิบัติผิว ประเภท Anti-Aging อย่างแพร่หลาย เพื่อส่งเสริมการผลัดผิวใหม่และเสริมสร้างการผลิตคอลลาเจน (ที่จะเริ่มลดลงในวัย 30 ปี) จึงไม่แปลกที่ส่วนผสมดังกล่าวจะกลายเป็นส่วนผสมสุดฮิตในสกินแคร์หลายตัว หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับการดูแลผิวอย่าง ริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น ขนาดรูขุมขน และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ คุณอาจต้องปรับการใช้เรตินอลให้เป็นสกินแคร์รูทีนแล้วตั้งแต่ตอนนี้! แนะนำ เลือกสกินแคร์ใช้อย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว

การทำงานของเรตินอลทำได้หลายระดับ สามารถออกฤทธิ์ชั้นใต้ผิวหนังในระดับเซลล์ ส่งเสริมการหมุนเวียนของเซลล์โดยเพิ่มอัตราการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งมีผลต่อการสร้างเซลล์ที่ผิดปกติให้กลับไปสู่สภาพปกติ ต่อสู้กับสัญญาณแห่งวัย ช่วยลดและป้องกันการเกิดริ้วรอย เรตินอลไม่ได้เด่นแค่เรื่องของริ้วรอย แต่ยังเด่นในเรื่องรักษาสิว ซึ่งจะช่วยปรับผิวให้ดูเรียบเนียน รูขุมขนดูกระชับ ส่วนหนึ่งเกิดจากไม่มีคอมีโดนอุดอยู่ข้างใน รูขุมขนที่สะอาดจะแลดูเล็กลง ลดการสร้างน้ำมันบนใบหน้า ลดการอักเสบของสิว และลดการเจริญเติบโตของเชื้อ P.acne นอกจากนี้การหมุนเวียนของเซลล์ยังช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอด้วย


ควรเริ่มใช้เรตินอลเมื่ออายุเท่าไหร่

"</p

“อายุ 20 ปลาย ๆ – 30 ต้น ๆ เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะเริ่มใช้เรตินอล” แม้ว่าจะไม่มีเวลากำหนดที่จะใช้เรตินอล แต่อายุ 30 มักเป็นช่วงที่คอลลาเจนจะเริ่มลดน้อยลงตามอายุที่มากขึ้น เมื่อขาดคอลลาเจนผิวจะดูมีริ้วรอยและไม่สดใสเหมือนเดิม แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ใช้ส่วนผสมดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการดูแลผิวช่วงอายุ 20 กลาง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีปัญหาเรื่องสิวหรือผิวคล้ำเสีย

ทั้งนี้ เรตินอลถูกอนุญาตให้ใช้ในเครื่องสำอางได้ตามกฎ FDA ทั่วโลก ส่วนอนุพันธุ์ Retinoic Acid หรือ ที่รู้จักในชื่อการค้าว่า Retin-A ยาทารักษาสิว ที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ ซึ่งมีสถานะเป็นยาไม่ใช่เครื่องสำอาง หากจะใช้ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเท่านั้น เพราะความเป็นยาซึ่งต้องควบคุมและมีความเข้มข้นค่อนข้างสูงอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้


ประโยชน์ของเรตินอล

เรตินอลเป็นวิตามินเอรูปแบบหนึ่งที่ขึ้นชื่อในด้านประโยชน์ในการต่อต้านริ้วรอย จึงมีประโยชน์ต่อผิวหลายประการ ได้แก่

1. ช่วยลดการเกิดรอยเหี่ยวย่น : เรตินอลสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งสามารถช่วยลดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นบนผิวหนังได้ หรือคุณอาจสนใจ วิธีทำให้ผิวหน้าดูกระชับขึ้น

2. ช่วยปรับปรุงเซลล์ผิว : โดยช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ เรตินอลสามารถช่วยปรับปรุงผิวและส่งเสริมให้ผิวเรียบเนียนและสม่ำเสมอยิ่งขึ้น

3. ลดการปรากฏของจุดด่างดำและรอยดำ : เรตินอลสามารถช่วยลดการผลิตเมลานิน ซึ่งจะนำไปสู่การลดลงของจุดด่างดำและรอยดำต่าง ๆ

4. ป้องกันการเกิดสิว : เรตินอลสามารถช่วยลดการอักเสบและเปิดรูขุมขน ทำให้เป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิว หากคุณกำลังประสบปัญหาสิวลอง 9 วิธีป้องกันการเกิดสิว

5. เพิ่มความชุ่มชื้นของผิว : เรตินอลสามารถช่วยปรับปรุงความสามารถของผิวในการกักเก็บความชุ่มชื้น ซึ่งสามารถช่วยปรับปรุงความชุ่มชื้นของผิวและลดความแห้งกร้านและผิวลอกเป็นขุยได้

สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าเรตินอลสามารถระคายเคืองต่อผิวหนังได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย แนะนำให้เริ่มด้วยเรตินอลที่มีความเข้มข้นต่ำและค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นเมื่อผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เรตินอลในตอนกลางคืนและต้องทาครีมกันแดดเสมอในระหว่างวัน เนื่องจากเรตินอลสามารถทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น

คำแนะนำสำหรับวิธีการใช้

  • ควรจะเริ่มใช้จากที่มีความเข้มข้นจากน้อยไปมาก ผลงานวิจัยที่ได้ถูกตีพิมพ์บ่งชี้ว่าเรตินอล ที่มีความเข้มข้นต่ำเพียง แค่ 0.01% ก็มีประสิทธิภาพมากพอที่จะช่วยลดปัญหาริ้วรอยแห่งวัยต่าง ๆ ได้ เพียงใช้เป็นประจำและสม่ำเสมอ
  • ความเชื่อที่ว่า ห้ามใช้ Retinol + AHA/BHA ร่วมกัน ไม่เป็นความจริง เพราะสารสองตัวทำงานต่างกัน เรตินอลจะกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเพื่อสร้างเซลล์ผิวใหม่ ในส่วนของกรด AHA และ BHA ขจัดเซลล์ผิวชั้นบนสุดเพื่อเผยเซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ข้างล่าง สารสองตัวสามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อเผยให้เห็นสีผิวที่สม่ำเสมอและสุขภาพผิวที่ดียิ่งขึ้น
  • สามารถใช้ได้ทั้ง 2 เวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่มักถูกแนะนำให้ใช้ในเวลากลางคืนมากกว่ากลางวัน เพราะเข้าใจว่าผิวจะไวต่อแสงมากกว่า ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่ว่าจะใช้ในช่วงเวลาใดก็ทำให้ผิวไวต่อแสงได้ทั้งนั้น ที่สำคัญอยู่ที่การทาครีมกันแดด ที่มีค่า SFP ไม่ต่ำกว่า 30 ในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อให้ผิวได้ประโยชน์สูงสุด หลังล้างหน้าและซับหน้าให้สะอาดแล้วให้ทาเรตินอล ตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นลำดับสุดท้ายในของขั้นตอนการดูแลผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  • ส่วนใหญ่นิยมใช้ในบริเวณผิวหน้า แต่หากคุณต้องการดูแลเพื่อแก้ปัญหาผิวส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอย่าง บริเวณคอ หัวไหล่ อก หรือ บริเวณหลัง ก็สามารถทำได้เช่นกัน

เรตินอลก็มีผลข้างเคียง

คำแนะนำสำหรับวิธีการใช้

แม้ว่าเรตินอลจะมีคุณสมบัติที่ดีต่อผิวอย่างมากมายและตอบโจทย์ใครหลายคน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะกับทุกสภาพผิว หากคุณเป็นโรคทางผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือกลาก ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการใช้สารดังกล่าว เนื่องจากยาเรตินอลจะออกฤทธิ์แรงเกินไปสำหรับผิว อาจเพิ่มการอักเสบ ความแห้งกร้าน และความไวในผิวที่บอบบางอยู่แล้ว รวมไปถึงคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ อยู่ในช่วงให้นมบุตร หรือผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หากเป็นกรณีนี้ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้จะดีที่สุด

โดยรวมแล้ว เรตินอลสามารถเป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในขั้นตอนการดูแลผิวที่รอบด้าน แต่สิ่งสำคัญคือต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์เสมอ


อ้างอิง

Uncategorized

Hello world!

March 25, 2021

Welcome to WordPress. This is your first post. Edit or delete it, then start writing!