Browsing Category

acne

acne

วิธีลดสิว ทำความเข้าใจปัญหาของสิว พร้อมเทคนิคดูแลผิวหน้าด้วยตัวเอง

April 1, 2024
วิธีลดสิว

วิธีลดสิว ต้องอาศัยการจัดการที่หลากหลาย ตั้งแต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างถูกต้อง ไปจนถึงการดูแลสุขภาพจากภายใน เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ บทความนี้จะมาแนะนำเกี่ยวกับการจัดการกับปัญหาสิว ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใจสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว, การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม, การดูแลรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง, การเลือกอาหารเสริมลดน้ำหนักที่สนับสนุนสุขภาพที่ดี และการหาวิธีลดความเครียดที่ส่งผลต่อสุขภาพผิว โดยจะพาคุณมาทำความรู้จักกับเทคนิคและแนวทางต่าง ๆ เพื่อช่วยให้คุณมีสุขภาพผิวที่สดใสและห่างไกลจากปัญหาสิว

 

ทำความเข้าใจสาเหตุของปัญหาสิว

สิวเป็นปัญหาผิวหนังที่พบบ่อย ซึ่งเกิดจากรูขุมขนที่อุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว รวมถึงการแพร่กระจายของแบคทีเรีย เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เกิดสิวมีหลายประการ ดังนี้

  • การผลิตน้ำมันมากเกินไป: การผลิตน้ำมันหรือเสียสมานมากเกินไปบนผิวหนังสามารถนำไปสู่การอุดตันของรูขุมขนได้ ซึ่งเป็นสภาพที่เหมาะสำหรับการเติบโตของแบคทีเรีย ทำให้เกิดการอักเสบและการเกิดสิว
  • การสะสมของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว: เซลล์ผิวที่ไม่หลุดออกไปอย่างเหมาะสมอาจสะสมที่ผิวหนังและผสมกับน้ำมันบนผิวหนัง ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
  • การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย: แบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Propionibacterium acnes มีอยู่บนผิวหนังและสามารถเจริญเติบโตในรูขุมขนที่อุดตันได้ ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบและสิว
  • ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน เช่น ในช่วงวัยรุ่น การตั้งครรภ์ หรือก่อนมีประจำเดือน อาจกระตุ้นให้ผิวหนังผลิตน้ำมันมากขึ้น นำไปสู่การเกิดสิวได้
  • อาหารและความเครียด: อาหารบางประเภท เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง และความเครียด สามารถส่งเสริมการเกิดสิวได้ การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและการจัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสมอาจช่วยลดโอกาสในการเกิดสิว

การเข้าใจสาเหตุของสิวอาจช่วยให้เราสามารถป้องกันหรือลดการเกิดสิวได้ดีขึ้น การดูแลรักษาความสะอาดของผิวหนัง การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการจัดการกับความเครียดเป็นวิธีที่ช่วยในการควบคุมและป้องกันสิวได้

 

วิธีลดสิว เทคนิคดูแลผิวหน้าด้วยตัวเอง

วิธีลดสิว เทคนิคดูแลผิวหน้าด้วยตัวเอง

การดูแลผิวเพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขน

การดูแลผิวหนังอย่างเหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันสิวอุดตัน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและการมีกิจวัตรการดูแลผิวที่ถูกต้องสามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวและรักษาผิวให้สุขภาพดี

  • ล้างหน้าให้สะอาด: การล้างหน้าสองครั้งต่อวันด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนช่วยลดการสะสมของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว โดยไม่ทำให้ผิวหนังเสียความชุ่มชื้น
  • เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว: การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันรูขุมขนหรือไม่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบสำคัญ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคำว่า “non-comedogenic” บนฉลาก
  • การใช้มอยส์เจอไรเซอร์: แม้ผิวของคุณจะมีน้ำมันมาก การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมสำหรับประเภทผิวของคุณช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นที่สมดุลและลดโอกาสในการผลิตน้ำมันเกินไป
  • การใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสม: ครีมกันแดดสำคัญสำหรับการป้องกันผิวจากรังสียูวีที่เป็นอันตราย ควรเลือกครีมกันแดดที่ไม่อุดตันรูขุมขนและเหมาะสมกับผิวเป็นสิว
  • ลดการใช้เครื่องสำอางหนา ๆ: เครื่องสำอางที่หนาและมีน้ำมันมากสามารถอุดตันรูขุมขนได้ หากจำเป็นต้องใช้ เลือกผลิตภัณฑ์ที่เบาและมีคำแนะนำว่าไม่ทำให้เกิดสิว

การดูแลผิวอย่างถูกวิธีไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขนเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีและรักษาความสมดุลของน้ำมันบนผิวได้อีกด้วย

 

อาหารและการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพผิวที่ดี

การดูแลสุขภาพผิวไม่ได้จำกัดอยู่แค่การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบริโภคอาหารที่ดีและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังมีผลโดยตรงต่อสุขภาพและความงามของผิว

  • รับประทานผักและผลไม้มากขึ้น: ผักและผลไม้เต็มไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันและซ่อมแซมผิวจากความเสียหายที่เกิดจากรังสี UV และมลภาวะ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำช่วยให้ผิวหนังไม่ขาดน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของผิวแห้งและลอกเป็นขุย การดื่มน้ำเพียงพอช่วยให้ผิวดูอิ่มเอิบและเปล่งปลั่ง
  • เลือกอาหารที่มีโอเมก้า-3: อาหารที่มีโอเมก้า-3 เช่น ปลาแซลมอน และงา ช่วยลดการอักเสบของผิวและปรับปรุงคุณภาพผิว ทำให้ผิวมีสุขภาพดี
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้เซลล์ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารที่เพียงพอ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียดซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของสิว
  • ลดการบริโภคอาหารที่ทำให้เกิดการอักเสบ: อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารแปรรูป และอาหารมันเกินไปสามารถทำให้เกิดการอักเสบและปัญหาผิว เช่น สิว การลดการบริโภคเหล่านี้สามารถช่วยปรับปรุงสภาพผิวได้

การดูแลผิวจากภายในสู่ภายนอกด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ยั่งยืนในการรักษาสุขภาพและความงามของผิว

 

การเลือกสกินแครร์สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว

การเลือกสกินแครร์สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว

ขั้นตอนสำหรับการเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับปัญหาผิว สามารถช่วยควบคุมและป้องกันการเกิดสิว ส่วนผสมที่ถูกต้องสามารถช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้

  • ซาลิไซลิกแอซิด: ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนโดยช่วยในการลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้ว นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบและเป็นสารต่อต้านแบคทีเรีย
  • เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์: ทำงานโดยการฆ่าแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวและช่วยลดการอักเสบ สามารถช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น
  • กรดไฮยาลูโรนิก: เป็นสารช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้ผิวหน้ามันเกินไป ช่วยให้ผิวที่เป็นสิวมีความชุ่มชื้นและลดความเสี่ยงของการเกิดสิวจากผิวที่แห้งเกินไป
  • กรดอะซีลิก: ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง ลดการอุดตันของรูขุมขน และมีผลต่อต้านแบคทีเรีย

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้อย่างรอบคอบสามารถช่วยให้คุณจัดการกับปัญหาสิวได้มีประสิทธิภาพ แต่สำคัญที่สุดคือต้องใช้สินค้าเหล่านี้อย่างต่อเนื่องและควบคู่ไปกับการดูแลผิวอย่างถูกวิธีอื่นๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

การลดน้ำหนักและผลกระทบต่อสุขภาพผิว

การลดน้ำหนักอย่างมีสุขภาพดีมีส่วนช่วยให้ผิวดูดีขึ้นได้ โดยการเข้าใจและเลือกอาหารเสริมลดน้ำหนักที่เหมาะสมสามารถช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้โดยไม่ทำร้ายผิว

  • ความสำคัญของการเลือกอาหารเสริมที่เหมาะสม: การเลือกอาหารเสริมที่มีส่วนผสมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพผิว เช่น วิตามิน C, E และโอเมก้า-3 สามารถช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีระหว่างกระบวนการลดน้ำหนัก
  • อ่านฉลากส่วนผสมอย่างละเอียด: การตรวจสอบส่วนผสมในอาหารเสริมเพื่อหลีกเลี่ยงสารที่อาจก่อให้เกิดการอักเสบหรือปัญหาผิว เช่น ส่วนผสมที่คุณอาจแพ้
  • การเลือกอาหารเสริมที่ช่วยลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย: อาหารเสริมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากชาเขียวหรือเคอร์ซูมิน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ยังช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้น
  • การดูแลรักษาความชุ่มชื้นของผิวระหว่างลดน้ำหนัก: การรักษาความชุ่มชื้นของผิวเป็นสิ่งสำคัญในระหว่างการลดน้ำหนัก การดื่มน้ำเพียงพอและใช้อาหารเสริมที่มีส่วนช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นของผิวสามารถช่วยป้องกันผิวแห้งและช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง

 

การจัดการความเครียดและสุขภาพผิว

การจัดการกับความเครียดและสุขภาพผิว

ความเครียดไม่เพียงแต่ส่งผลต่อจิตใจและร่างกายของเรา แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพผิวด้วย การพบวิธีการลดความเครียดและผ่อนคลายอาจเป็นกุญแจสำคัญในการมีผิวพรรณที่ดีและลดโอกาสในการเกิดปัญหาผิว เช่น สิว

  • การฝึกโยคะ: โยคะเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมในการลดความเครียด โดยการฝึกโยคะสามารถช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและส่งเสริมการหายใจอย่างลึกซึ้ง ช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย
  • การทำสมาธิ: การทำสมาธิช่วยให้จิตใจสงบและลดระดับความเครียดในร่างกาย การฝึกสมาธิเป็นประจำสามารถช่วยให้คุณจัดการกับความเครียดในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น ลดผลกระทบต่อผิวพรรณ
  • กิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย: กิจกรรมที่คุณรู้สึกสนุกและช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น การวาดภาพ การเล่นดนตรี หรือการอ่านหนังสือ สามารถช่วยลดความเครียดและมีผลบวกต่อสุขภาพผิว
  • การนวด: การนวดไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย แต่ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ซึ่งดีต่อสุขภาพผิว การนวดสามารถช่วยลดความเครียดและส่งเสริมการฟื้นฟูผิว
  • การฝึกหายใจ: การฝึกหายใจลึกๆ เป็นวิธีง่ายๆ ในการลดความเครียดทันที การหายใจอย่างมีสติช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและลดความตึงเครียดได้เร็ว

การเรียนรู้วิธีการจัดการกับความเครียดเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพผิวที่ดี การลดความเครียดไม่เพียงช่วยให้จิตใจสงบ แต่ยังมีผลดีต่อสุขภาพและความงามของผิวพรรณด้วย

 

การดูแลรักษาสิวและสุขภาพผิวที่ดีไม่ใช่เรื่องที่ยากถ้าเรารู้จักวิธีการจัดการที่ถูกต้องและมีวินัยในการดูแลตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมกับปัญหาสิว, การดูแลรักษาความสะอาดและความชุ่มชื้นของผิว, การเลือกรับประทานอาหารและออกกำลังกายเพื่อสุขภาพผิวที่ดี, การเลือกอาหารเสริมสำหรับการลดน้ำหนักที่ไม่ส่งผลเสียต่อผิว, และการจัดการกับความเครียด ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีผิวพรรณที่สดใสและห่างไกลจากปัญหาสิว

คำถามที่พบบ่อย

1. ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชนิดใดที่ควรหลีกเลี่ยงหากมีปัญหาสิว?
ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันสูง, ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่อาจระคายเคืองผิว เช่น แอลกอฮอล์และน้ำหอม, และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มีการระบุว่าเป็น “non-comedogenic”

2. อาหารชนิดใดที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันสิว?
ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง, อาหารแปรรูป, และอาหารที่มีไขมันสูง เพราะอาจกระตุ้นการเกิดสิวได้

3. การออกกำลังกายส่งผลอย่างไรต่อสิว?
การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลดความเครียด ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้ช่วยป้องกันและลดการเกิดสิวได้ แต่ควรล้างหน้าทันทีหลังออกกำลังกายเพื่อลดการอุดตันของรูขุมขน

4. ความเครียดส่งผลต่อสิวอย่างไร?
ความเครียดสามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ทำให้ผิวหนังผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งน้ำมันเพิ่มเติมนี้สามารถนำไปสู่การอุดตันของรูขุมขนและเกิดสิวได้

อ้างอิง:

acne skin care

วิธีเลือกสกินแคร์สำหรับคนเป็นสิว ส่วนผสมที่แนะนำและควรหลีกเลี่ยง

April 1, 2024
วิธีเลือกสกินแคร์สำหรับคนเป็นสิว

วิธีเลือกสกินแคร์สำหรับคนเป็นสิว ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสิวเป็นหนึ่งในปัญหาผิวพรรณที่ท้าทายและสามารถเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน การอุดตันของรูขุมขน หรือแม้กระทั่งสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิต การรู้จักและเข้าใจประเภทของผิวพรรณของตนเองจึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดปัญหาสิวและปรับปรุงสุขภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น บทความนี้จะมาแนะนำวิธีเลือกสกินแคร์สำหรับคนที่มีปัญหาสิว โดยจะกล่าวถึงสิวและประเภทของผิว พร้อมทั้งแนะนำส่วนผสมหลักที่ควรมองหาในสกินแคร์ เพื่อช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจทำให้สภาพผิวแย่ลง นอกจากนี้ยังรวมถึงการอ่านฉลากผลิตภัณฑ์และรีวิวจากผู้ใช้จริง เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับผิวของคุณ

 

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิว และประเภทของผิว

สิวเป็นปัญหาผิวพรรณที่พบได้บ่อย ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยรวมกัน การรู้จักและเข้าใจประเภทผิวของตัวเองไม่เพียงแต่ช่วยให้เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวอีกด้วย

  • ผิวมัน: ผิวที่ผลิตน้ำมันมากกว่าปกติ มักเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว เนื่องจากน้ำมันสามารถอุดตันรูขุมขนได้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเช่นกรดซาลิไซลิคจึงเหมาะสำหรับประเภทผิวนี้เพื่อช่วยลดการอุดตันและควบคุมน้ำมันบนผิวหน้า
  • ผิวผสม: ผิวที่มีทั้งพื้นที่ที่ผลิตน้ำมันมากและพื้นที่ที่แห้ง เช่น ผลิตน้ำมันมากบริเวณ T-zone แต่แห้งบริเวณแก้ม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถควบคุมน้ำมันโดยไม่ทำให้ผิวแห้งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประเภทผิวนี้
  • ผิวแห้ง: ผิวที่มีน้ำมันน้อย มักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสิวจากการอุดตัน แต่สามารถเกิดสิวได้จากการระคายเคืองหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้รูขุมขนอุดตันเหมาะสำหรับผิวแห้ง
  • ผิวธรรมดา: ผิวที่มีสมดุลทั้งน้ำมันและความชื้น ผู้ที่มีผิวธรรมดาอาจใช้ผลิตภัณฑ์ทั่วไปได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ผิวแห้งหรือกระตุ้นการผลิตน้ำมันมากเกินไป

การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมกับประเภทผิวของคุณเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยลดปัญหาสิวและรักษาสุขภาพผิวให้ดีที่สุด

 

ส่วนผสมหลักของสกินแคร์ที่ควรมองหา

ส่วนผสมหลักของสกินแคร์ที่ควรมองหา

ในการต่อสู้กับปัญหาสิว การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด บางส่วนผสมมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยลดการอุดตัน การอักเสบ และการผลิตน้ำมันบนผิว ด้านล่างนี้คือส่วนผสมที่ควรมองหาเมื่อเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว

  • กรดซาลิไซลิค (Salicylic Acid): กรดชนิดนี้สามารถทะลุผ่านชั้นน้ำมันบนผิวหนังได้ ช่วยในการละลายเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอาจอุดตันรูขุมขน ทำให้เป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการจัดการกับสิวและป้องกันการเกิดใหม่
  • นิอาซินาไมด์ (Niacinamide): นิอาซินาไมด์เป็นวิตามินที่ช่วยลดการอักเสบและแดงของผิวจากสิว นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันของผิวหนัง ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันและผิวผสม
  • เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide): เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว ช่วยลดการอักเสบและเป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวที่เกิดจากแบคทีเรีย

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณจัดการกับปัญหาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่ผิวหน้าที่ดูสุขภาพดีขึ้น

ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ

การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวไม่เพียงแค่ช่วยแก้ไขปัญหาที่มีอยู่แล้ว แต่ยังเป็นวิธีป้องกันสิวอุดตันไม่ให้เกิดปัญหาใหม่อีกด้วย ผลิตภัณฑ์ด้านล่างนี้ถูกคัดสรรมาเพื่อเป็นตัวช่วยในการบำรุงผิวและช่วยลดปัญหาสิวได้เป็นอย่างดี

  • Cleanser A: ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวนี้มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิคที่เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการลดการอุดตันของรูขุมขนและควบคุมน้ำมันส่วนเกินบนผิวหน้า การใช้งานสม่ำเสมอช่วยให้ผิวหน้าสะอาดและลดการเกิดสิวได้
  • Toner A: โทนเนอร์ที่มีการผสมผสานระหว่างนิอาซินาไมด์และกรดซาลิไซลิค ช่วยในการควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน ใช้หลังจากการทำความสะอาดผิว เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป
  • Moisturizer A: ครีมบำรุงผิวแบบไม่มีน้ำมันนี้ออกแบบมาเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวโดยไม่ทำให้เกิดการอุดตัน สามารถช่วยให้ผิวที่เป็นสิวได้รับการบำรุงอย่างเหมาะสมโดยไม่เพิ่มความมันหรือปัญหาสิวเพิ่มเติม

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในรูปแบบการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวหน้าสะอาดและลดการเกิดสิวได้ แต่ยังช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและมีชีวิตชีวาอีกด้วย

ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยง

การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อการรักษาสิวไม่เพียงแค่มองหาส่วนผสมที่มีประโยชน์เท่านั้น แต่ยังต้องระมัดระวังเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้สภาพผิวแย่ลง บางส่วนผสมอาจกระตุ้นการเกิดสิวหรือทำให้ปัญหาสิวที่มีอยู่แย่ลง

  • ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหนักๆ: ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันหนัก เช่น น้ำมันมิเนอรัล หรือน้ำมันมะกอก อาจทำให้รูขุมขนอุดตันมากขึ้น ส่งผลให้เกิดสิวเพิ่ม
  • ส่วนผสมที่มีแอลกอฮอล์สูง: ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบหลักอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ซึ่งเป็นสภาวะที่ทำให้ผิวพยายามผลิตน้ำมันมากขึ้นเพื่อชดเชย ส่งผลให้เกิดสิว
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคน: ซิลิโคนเป็นส่วนผสมที่พบบ่อยในเครื่องสำอาง เช่น ไพรเมอร์หรือรองพื้น ซึ่งอาจทำให้รูขุมขนอุดตันได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีซิลิโคนสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมต้องหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจทำให้ปัญหาสิวเ worse worsen เพื่อช่วยให้การรักษาสิวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการเกิดสิวใหม่

 

อ่านและเข้าใจฉลากผลิตภัณฑ์สกินแคร์

อ่านและเข้าใจฉลากผลิตภัณฑ์สกินแคร์

การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมกับผิวที่มีปัญหาสิวต้องอาศัยการอ่านและเข้าใจฉลากผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง สิ่งนี้ช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจกระตุ้นปัญหาสิวเพิ่มเติมและเลือกส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ระบุส่วนผสมหลัก: ส่วนผสมที่แสดงอยู่ที่ด้านบนสุดของรายการมักจะเป็นส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์ การรู้จักและเข้าใจส่วนผสมเหล่านี้ช่วยให้คุณประเมินได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นเหมาะสมกับผิวของคุณหรือไม่
  • หาส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง: ค้นหาส่วนผสมที่คุณทราบว่าอาจทำให้เกิดปัญหาสำหรับผิวของคุณ เช่น น้ำมันหนักๆ, แอลกอฮอล์, หรือซิลิโคน หากพบส่วนผสมเหล่านี้อยู่ในผลิตภัณฑ์ คุณอาจต้องการหลีกเลี่ยง
  • สัญลักษณ์และการรับรอง: สัญลักษณ์ต่างๆ เช่น “ไม่ทดลองกับสัตว์”, “ไม่มีสารก่อภูมิแพ้”, หรือ “ไม่อุดตันรูขุมขน” สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ ช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการและค่านิยมของคุณ

การอ่านและเข้าใจฉลากผลิตภัณฑ์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม ลดโอกาสในการเกิดปัญหาสิวเพิ่มเติม และช่วยให้ผิวของคุณดูและรู้สึกดีขึ้น

 

รีวิวและประสบการณ์จากผู้ใช้จริง

รีวิวและประสบการณ์จากผู้ใช้จริงเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่าในการตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เนื่องจากมันให้มุมมองที่หลากหลายและเปิดเผยถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงกับผู้คนที่มีสภาพผิวแตกต่างกัน

  • ความหลากหลายของรีวิว: รีวิวจากผู้ใช้จริงมีความหลากหลาย ทำให้คุณเห็นภาพรวมของประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ในแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเหมาะสมกับประเภทผิวการลดสิว หรือการควบคุมความมัน
  • รีวิวการใช้งานจริง: ประสบการณ์จริงจากผู้ใช้เปิดเผยเรื่องราวการใช้งานและผลลัพธ์ที่ได้ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณประเมินว่าผลิตภัณฑ์นั้นอาจเหมาะสมกับสภาพและความต้องการของผิวของคุณหรือไม่
  • คำแนะนำและเคล็ดลับ: ในบางครั้ง รีวิวและประสบการณ์จากผู้ใช้ยังรวมถึงคำแนะนำหรือเคล็ดลับในการใช้งานที่สามารถช่วยให้คุณได้รับประสิทธิภาพสูงสุดจากผลิตภัณฑ์

รีวิวและประสบการณ์จากผู้ใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ช่วยให้คุณมีมุมมองที่กว้างขึ้นและเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ อาจทำงานได้ดีเพียงใดสำหรับคุณ ทำให้คุณสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการและเหมาะสมกับผิวของคุณได้มากยิ่งขึ้น

 

วิธีเลือกสกินแคร์สำหรับคนเป็นสิว เป็นกระบวนการที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทผิวและสามารถช่วยแก้ไขปัญหาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรู้จักประเภทผิวของตัวเอง การเลือกส่วนผสมที่เหมาะสม การหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจทำให้สภาพผิวแย่ลง และการอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการดูแลผิว นอกจากนี้ การพิจารณาคำวิจารณ์และประสบการณ์จากผู้ใช้จริงยังเป็นวิธีที่ดีในการประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์

คำถามที่พบบ่อย

1. กรดซาลิไซลิคช่วยเรื่องสิวอย่างไร?
กรดซาลิไซลิคช่วยละลายเซลล์ผิวที่ตายแล้วและลดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิว

2. สกินแคร์ที่มีน้ำมันสามารถใช้กับผิวเป็นสิวได้หรือไม่?
ควรหลีกเลี่ยงสกินแคร์ที่มีน้ำมันหนักๆ เพราะอาจทำให้รูขุมขนอุดตันมากขึ้น ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมันหรือมีน้ำมันเบาๆ ที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน

3. เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ใช้แล้วทำไมผิวถึงแห้ง?
เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์มีฤทธิ์ในการต่อต้านแบคทีเรียและลดการอักเสบของสิว แต่อาจทำให้ผิวแห้งได้ เพื่อป้องกัน ควรใช้ครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์

4. นิอาซินาไมด์ช่วยลดสิวได้อย่างไร?
นิอาซินาไมด์ช่วยลดการอักเสบและแดงของผิวจากสิว ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันของผิวหนัง และเสริมสร้างการป้องกันผิว ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถช่วยลดการเกิดสิวและปรับปรุงสภาพผิวให้ดีขึ้น

อ้างอิง:

acne

วิธีป้องกันสิวอุดตัน เคล็ดลับดูแลผิวสวย เพื่อสุขภาพผิวที่ดี

April 1, 2024
วิธีป้องกันสิวอุดตัน

วิธีป้องกันสิวอุดตัน ไม่ได้เป็นเรื่องยากหากเรามีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลผิว ทั้งนี้การดูแลผิวอย่างเหมาะสมสามารถช่วยลดการเกิดสิวและป้องกันปัญหาผิวหนังเรื้อรังได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะแนะนำวิธีการดูแลผิวที่ถูกวิธี ตั้งแต่การเข้าใจสาเหตุของสิวอุดตันไปจนถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อช่วยให้ผิวของคุณดูสุขภาพดี รวมถึงลดความเสี่ยงของการเกิดสิวให้น้อยที่สุด

 

ทำความเข้าใจสิวอุดตัน

การเข้าใจสิวอุดตันเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการและป้องกันปัญหาสิวที่เกิดขึ้นบนผิวหน้าและร่างกาย สิวอุดตันไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความไม่สบายใจทางด้านรูปลักษณ์ แต่ยังสามารถนำไปสู่ปัญหาผิวหนังเรื้อรังหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

  • น้ำมันเกินปกติ (Sebum): ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไปจนทำให้รูขุมขนอุดตัน ส่งผลให้เกิดสิวเนื่องจากผิวหนังไม่สามารถกำจัดน้ำมันส่วนเกินได้ การผลิตน้ำมันมากเกินไปอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน, ความเครียด และปัจจัยทางพันธุกรรม
  • เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว: เมื่อเซลล์ผิวหนังตายสะสมอยู่บนผิวหน้าและไม่ถูกลอกออกอย่างถูกต้อง จะเกิดการอุดตันร่วมกับน้ำมันในรูขุมขน เซลล์ผิวที่ตายแล้วเหล่านี้ควรจะหลุดลอกออกไปโดยธรรมชาติ แต่บางครั้งอาจต้องใช้วิธีขัดผิวเพื่อกระตุ้นการหลุดลอก
  • สิวหัวดำ: เมื่อน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วอุดตันที่ปากของรูขุมขนและสัมผัสกับอากาศ จะเกิดการออกซิไดซ์ทำให้กลายเป็นสีดำ สิวหัวดำไม่ได้แสดงถึงความสกปรก แต่เป็นผลจากการออกซิไดซ์ของเม็ดสีเมลานินในน้ำมันและเซลล์ที่ตายแล้ว
  • สิวหัวขาว: ประเภทของสิวที่เกิดเมื่อน้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วอุดตันอยู่ภายในรูขุมขนโดยไม่ได้สัมผัสกับอากาศ ทำให้เกิดเป็นปุ่มเล็กๆ ที่มีสีขาวหรือสีผิว สิวหัวขาวเกิดจากการอุดตันที่เกิดขึ้นลึกในรูขุมขนและต้องการการดูแลเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการอักเสบ

การเข้าใจสาเหตุและการเกิดของสิวอุดตันเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการป้องกันและรักษาสิวให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การดูแลรักษาที่เหมาะสมและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างรอบคอบสามารถช่วยลดการเกิดสิวอุดตันและปรับปรุงสภาพผิวให้ดูดีขึ้น

 

วิธีป้องกันสิวอุดตัน เคล็ดลับดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ

วิธีป้องกันสิวอุดตัน เคล็ดลับดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ

การดูแลผิวอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาผิวหน้าให้มีสุขภาพดีและป้องกันปัญหาสิวอุดตัน กิจวัตรประจำวันเหล่านี้ช่วยให้ผิวของคุณสะอาด ชุ่มชื้น และป้องกันจากรังสียูวีที่อาจทำให้เกิดปัญหาผิวเพิ่มเติม

  • การทำความสะอาดผิว: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยนเพื่อล้างออกทั้งสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินโดยไม่ทำให้ผิวหนังเสียสมดุล ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดสิวจะช่วยลดโอกาสของการอุดตันของรูขุมขน
  • การขัดผิว: การขัดผิวช่วยเร่งการหลุดลอกของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เลือกผลิตภัณฑ์ขัดผิวที่เหมาะสมกับประเภทผิวของคุณเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง การขัดผิวด้วยสารเคมีเช่น AHA หรือ BHA สามารถช่วยลดการอุดตันและปรับปรุงสภาพผิว
  • การให้ความชุ่มชื้น: ครีมบำรุงผิวที่มีสูตรไม่ก่อให้เกิดสิวเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว การใช้ครีมบำรุงผิวที่เหมาะสมช่วยให้ผิวหนังรักษาความชุ่มชื้นโดยไม่เพิ่มโอกาสการเกิดสิว
  • การป้องกันแดด: ครีมกันแดดเป็นส่วนสำคัญของการดูแลผิวที่ไม่ควรละเลย ใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสมกับผิวมันหรือผิวที่มีปัญหาสิว เพื่อป้องกันการเกิดสิวจากการแสดงตัวของรังสียูวีและป้องกันความเสียหายจากแดดที่อาจนำไปสู่การเกิดสิวอักเสบ

การเข้าใจและปฏิบัติตามกิจวัตรดูแลผิวเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันสิวอุดตันและปัญหาผิวอื่นๆ แต่ยังช่วยให้ผิวของคุณดูสุขภาพดีและมีชีวิตชีวาอีกด้วย

 

วิธีป้องกันสิวอุดตัน การดูแลผิวหน้าด้วยเทคนิคขั้นสูง

เมื่อพูดถึงการดูแลผิวหน้า การใช้ผลิตภัณฑ์และการรักษาที่เหมาะสมสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะเจาะจงได้ดียิ่งขึ้น การใช้เซรั่มและการเข้ารับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันการเกิดสิวเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวของคุณดูสุขภาพดีและมีชีวิตชีวา

  • การใช้เซรั่มบำรุงผิว: เซรั่มที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิคหรือไนอาซินาไมด์ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันและลดการอักเสบของผิว กรดซาลิไซลิคช่วยในการละลายน้ำมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน ในขณะที่ไนอาซินาไมด์ช่วยลดการอักเสบและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
  • การรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ: การปรึกษากับแพทย์ผิวหนังเพื่อเข้ารับการรักษาที่เหมาะสม เช่น การทำเฟเชียล, การดูดสิว, หรือการทำเคมีผิว สามารถช่วยให้ผิวหน้าของคุณดูสดใสและลดปัญหาผิวหนัง เฟเชียลช่วยทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก ในขณะที่การดูดสิวช่วยเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน
  • การใช้สารเคมีผิว: การทำเคมีผิวด้วยสารเคมีที่เหมาะสมกับประเภทผิวสามารถช่วยลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และเผยผิวใหม่ที่ดูสุขภาพดีขึ้น การรักษานี้ควรทำภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันการระคายเคืองและปัญหาผิวหนังที่อาจตามมา

การใช้เทคนิคการดูแลผิวขั้นสูงเหล่านี้ร่วมกับกิจวัตรดูแลผิวประจำวันของคุณสามารถช่วยให้คุณบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันสิว ลดริ้วรอย หรือแม้แต่ปรับปรุงโทนสีผิวให้สม่ำเสมอและดูสุขภาพดี

 

วิธีป้องกันสิวอุดตัน ความสำคัญของไลฟ์สไตล์และอาหาร

วิธีป้องกันสิวอุดตัน ความสำคัญของไลฟ์สไตล์และอาหาร

การดูแลผิวไม่ได้จำกัดอยู่แค่การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลสุขภาพจากภายในด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการมีไลฟ์สไตล์ที่ดี เช่นการออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถช่วยให้ผิวของคุณดูสุขภาพดีและลดความเสี่ยงของการเกิดสิวได้

  • การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์: อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีนจากแหล่งที่ดี สามารถช่วยบำรุงผิวจากภายใน การรับประทานอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่างปลาทะเล และการลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง สามารถช่วยลดการอักเสบและปรับปรุงสภาพผิว
  • การออกกำลังกายเป็นประจำ: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ซึ่งนำออกซิเจนและสารอาหารไปยังเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวดูมีชีวิตชีวาและลดการเกิดสิว การออกกำลังกายยังช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดสิว
  • การนอนหลับที่เพียงพอ: การได้รับการนอนหลับที่เพียงพอช่วยให้ระบบการซ่อมแซมผิวหนังทำงานได้ดีที่สุด การขาดการนอนหลับสามารถทำให้เกิดความเครียด ซึ่งเพิ่มการผลิตน้ำมันและสามารถนำไปสู่การเกิดสิว
  • การดื่มน้ำเพียงพอ: การดื่มน้ำช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายในและช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย การดื่มน้ำเพียงพอทุกวันช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและช่วยลดโอกาสการเกิดสิว

การใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีไม่เพียงแต่ดีต่อร่างกายและจิตใจ แต่ยังรวมถึงผิวหนังด้วย การดูแลสุขภาพผิวจากภายในผ่านการเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีไลฟ์สไตล์ที่สุขภาพดีเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

 

การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม

สำหรับผิวที่มีปัญหาสิว สิ่งสำคัญคือการใช้ครีมที่เหมาะกับปัญหาสิวไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาสิวที่มีอยู่ แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้สิวเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต การพิจารณาถึงส่วนผสมและสูตรของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดกับสภาพผิวและปัญหาผิวของคุณ

  • เลือกสูตรที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic): ผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากว่าไม่ก่อให้เกิดการอุดตันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว เพราะสูตรเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วซึ่งสามารถนำไปสู่การอุดตันรูขุมขน
  • หลีกเลี่ยงสารก่อการระคายเคือง: สารที่มีศักยภาพในการก่อการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์หรือน้ำหอม ควรถูกหลีกเลี่ยง สารเหล่านี้อาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบหรือระคายเคืองซึ่งสามารถทำให้ปัญหาสิวแย่ลง
  • ส่วนผสมที่ช่วยบำรุงและรักษาสิว: ส่วนผสมเช่น กรดซาลิไซลิค, ไนอาซินาไมด์ และกรดอัลฟ่าไฮดรอกซี มีประสิทธิภาพในการช่วยรักษาสิวและป้องกันการเกิดสิวใหม่ กรดเหล่านี้ช่วยในการลดการอักเสบ ควบคุมการผลิตน้ำมัน และเร่งกระบวนการเปลี่ยนผิว
  • สูตรที่เหมาะกับประเภทผิวของคุณ: การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทผิวของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ผู้ที่มีผิวมันควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมน้ำมัน ในขณะที่ผู้ที่มีผิวแห้งควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้น

การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการดูแลผิว การทำความเข้าใจส่วนผสมและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์จะช่วยให้คุณเลือกได้ถูกต้องและเหมาะสมกับปัญหาผิวของคุณ

 

วิธีดูแลสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดสิว

วิธีดูแลสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดสิว

การดูแลผิวไม่ควรจำกัดอยู่แค่ผิวหน้า เพราะการดูแลผิวกายด้วยผลิตภัณฑ์และวิธีการที่เหมาะสม สามารถเป็นวิธีลดปัญหาสิวและทำให้ผิวดูมีสุขภาพดีขึ้นได้ การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายที่เหมาะสมและการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์บางอย่างเป็นกุญแจสำคัญ

  • เลือกสบู่และเจลอาบน้ำที่ไม่ก่อให้เกิดสิว: ใช้สบู่หรือเจลอาบน้ำที่ออกแบบมาสำหรับผิวที่เสี่ยงต่อการเกิดสิว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ควรมีคุณสมบัติไม่อุดตันรูขุมขนและสามารถช่วยลดความมันส่วนเกินบนผิว
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันสิวบนร่างกาย: สำหรับพื้นที่ที่มีแนวโน้มเกิดสิว เช่น หลังและหน้าอก ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเช่น กรดซาลิไซลิคหรือเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์เพื่อช่วยป้องกันและรักษาสิว
  • การดูแลผิวหลังออกกำลังกาย: อาบน้ำทันทีหลังจากการออกกำลังกายเพื่อล้างเหงื่อและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดสิวบนร่างกาย การให้เหงื่อแห้งบนผิวหนังสามารถนำไปสู่การอุดตันของรูขุมขน
  • การเลือกใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม: เสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุที่ช่วยให้ผิวหายใจได้ดีและไม่เก็บเหงื่อสามารถช่วยลดการเกิดสิวบนร่างกาย วัสดุเช่น ฝ้ายและไมโครไฟเบอร์เป็นตัวเลือกที่ดี

การดูแลร่างกายและผิวให้ห่างไกลจากสิวไม่ใช่เรื่องยากหากคุณทราบถึงกลยุทธ์และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทผิวของคุณ การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์เล็กน้อยรวมถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมสามารถทำให้ผิวของคุณดูดีขึ้นและป้องกันการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

การป้องกันและจัดการกับสิวอุดตันเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลผิว การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ และการใส่ใจกับการดูแลสุขภาพจากภายในสู่ภายนอก สามารถช่วยลดการเกิดสิวและปรับปรุงสภาพผิวให้ดูสุขภาพดีขึ้น บทความนี้ได้นำเสนอคำแนะนำที่มีประโยชน์ในการดูแลผิวหน้าและร่างกาย เพื่อช่วยให้คุณมีผิวพรรณที่สดใส ไม่ว่าจะเป็นการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม การดูแลผิวขั้นพื้นฐาน และการเลือกไลฟ์สไตล์ที่ส่งเสริมสุขภาพผิว

คำถามที่พบบ่อย

1. สิวอุดตันเกิดจากอะไร?
สิวอุดตันเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ปัจจัยเช่น การผลิตน้ำมันเกินปกติ ความเครียด และปัจจัยทางพันธุกรรมสามารถทำให้เกิดสิวได้

2. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิคสามารถช่วยลดสิวอุดตันได้หรือไม่?
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิคสามารถช่วยละลายน้ำมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน ช่วยลดและป้องกันการเกิดสิวอุดตัน

3. มีวิธีไหนบ้างที่สามารถป้องกันสิวอุดตันจากการออกกำลังกาย?
ควรอาบน้ำทันทีหลังจากออกกำลังกายเพื่อล้างเหงื่อและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดสิวบนร่างกาย การเลือกใส่เสื้อผ้าที่ช่วยให้ผิวหายใจได้ดีก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน

4. การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์อย่างไรสามารถช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้?
การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายเป็นประจำ การนอนหลับที่เพียงพอ และการดื่มน้ำเพียงพอ สามารถช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้ โดยการช่วยปรับปรุงสภาพผิวจากภายในและลดความเครียด

อ้างอิง:

acne

สิวสเตียรอยด์รักษายังไง ให้หายขาดเร็วที่สุด

October 27, 2022
สิวสเตียรอยด์รักษายังไง

สิวสเตียรอยด์รักษายังไง ให้หายขาดเร็วที่สุด

อีกหนึ่งปัญหาผิวหน้า นอกจากกระ ฝ้า หรือ จุดด่างดำแล้ว ปัญหาสิว เป็นอีกเรื่องที่หนักใจมาก เพราะเมื่อเป็นทีไร จะต้องหมั่นดูแลรักษาให้ถูกวิธี ไม่เช่นนั้นแล้วจะหายยาก พร้อมกับทิ้งรอยแผลเป็น หรือรูขุมขนที่กว้างขึ้นด้วย นับได้ว่าเป็นปัญหาที่จัดการยากที่สุดรูปแบบหนึ่งเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่เป็นสิวสเตียรอยด์ จะถูกขนานนามว่าเป็นประเภทที่รักษายากที่สุด สามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งอาการที่เป็น รวมทั้งวิธีการรักษาก็จะต้องแตกต่างกันไปตามชนิดของสิวนั่นเอง แต่ใครที่เป็นสิวประเภทนี้ขอบอกว่าให้ใจเย็น ๆ แล้วเราจะมาหาวิธีแก้ไปด้วยกันในบทความนี้ เพราะพวกเราจะพาไปรู้จักกับสิวแต่ละประเภท รวมทั้งวิธีการรักษา สิวสเตียรอยด์รักษายังไง ที่จะทำให้คุณหายขาดได้เร็วที่สุด พร้อมผิวหน้าที่กลับมาเนียนใส ไร้สิว ได้อีกครั้ง ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไร ติดตามอ่านกันได้ในบทความนี้ 


สิวสเตียรอยด์ เกิดขึ้นได้อย่างไร

สิวสเตียรอยด์รักษายังไง

สาเหตุที่ทำให้เกิดสิว มีได้หลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม สภาพแวดล้อม อาหาร การแพ้สารเคมี  แพ้อาหาร รวมไปถึงความสะอาดของใบหน้า การอุดตันของของรูขุมขน แต่สำหรับ สิวสเตียรอยด์นั้น จะเป็นภาวะที่มีอาการ สิว เกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ จะเกิดกับผู้ที่ได้รับ สารสเตียรอยด์ ติดต่อกันเป็นเวลานานนั่นเอง แต่ก่อนอื่นเลยต้องไปรู้จักกับเจ้าสารสเตียรอยด์กันก่อน เพราะในวงการแพทย์นั้น เจ้าสารชนิดนี้คืออะไร แล้วทำไมถึงได้มีการรับเข้าสู่ร่างกาย 

สำหรับสาร สเตียรอยด์ คือ ชื่อสั้น ๆ ของยาในกลุ่ม corticosteroid โดยยาในกลุ่มนี้จะเป็นยาที่มีสรรพคุณในการ ต้านการอักเสบ ได้ทั่วร่างกาย สำหรับในวงการแพทย์นั้น จะนำมาใช้ประโยชน์ในการรักษาอาการอักเสบของร่างกาย หรือใช้ในการกดภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยที่ผิดปกติ ซึ่งมีหลากหลายแบบเช่นกัน 


รูปแบบของสาร สเตียรอยด์ มี 3 แบบ

สาร สเตียรอยด์ จะมีรูปแบบด้วยกัน 3 แบบก็คือ แบบฉีด, กิน รวมทั้งการ ทา นั่นเอง ถ้าเกิดว่ามีการใช้สาร สเตียรอยด์ ในปริมาณที่ไม่มากนัก หรือไม่ได้ใช้ต่อเนื่องนาน ๆ จะไม่มีผล หรืออาการข้างเคียงใด ๆ แต่ถ้าหากว่าร่างกายได้รับ สเตียรอยด์ ในปริมาณที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งยังต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายหลายประการด้วยกัน ตัวอย่างเช่น มีอาการบวม มีแผลทางเดินอาหาร ส่งผลให้กระดูกพรุน ต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติ ผิวหนังบาง รวมทั้ง การเป็นสิว หรือเป็นผื่นด้วย 

ประโยชน์ของสาร สเตียรอยด์ ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี และไม่ดี เพราะถ้าใช้รักษาในบางโรค หรืออาการเจ็บป่วยบางอย่าง จะช่วยให้ได้ผลดีต่อโรคนั้น แต่ถ้าหากว่าได้รับสารชนิดนี้ต่อเนื่องกันไปนาน ๆ ก็จะมีผลข้างเคียงตามมาได้ ส่วนเรื่องของ สิวสเตียรอยด์ ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้เพราะการรับสารชนิดนี้มากเกินไปนั่นเอง


ผลิตภัณฑ์ผสมสเตียรอยด์แบบทา

ด้วยกระแสนิยมในเรื่องของ ผิวสวย ผิวขาว มาแรงเป็นอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่แล้ว คุณผู้หญิง หรือ คุณผู้ชายที่หันมาดูแลตัวเอง ก็อาจจะตกเป็นเหยื่อของครีมเถื่อน ที่ไม่ผ่าน อย. รวมไปถึง ครีมหน้าใส สบู่ล้างหน้า ครีมกันแดด และ ยารักษาสิว โดยทางผู้ผลิตอาจจะมีการแอบผสม สเตียรอยด์แบบชนิดทา ใส่ในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ซึ่งใช้ตอนแรกก็จะเห็นผลดี ผิวขาวเร็ว หน้าใส ไร้สิว แต่รู้หรือไม่ว่า เมื่อใช้เป็นเวลานานจนสาร สเตียรอยด์ เข้าไปสะสม จึงทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ นี่แหละคือต้นเหตุส่วนใหญ่ที่สาว ๆ หลายคนเกิดปัญหาเรื่องของ “สิวสเตียรอยด์”


อาการและประเภทของ สิวสเตียรอยด์

สิวสเตียรอยด์รักษายังไง

สำหรับอาการของสิวสเตียรอยด์  จะมีผื่นคล้ายสิว มีหลายแบบ แต่มีอาการโดยรวมที่ทำให้ต้องหาทางรักษาคือ ตุ่มแดง ตุ่มหนอง มีอาการคัน โดยถูกแบ่งประเภทของสิวสเตียรอยด์ได้ดังต่อไปนี้ 

  • สิวสเตียรอยด์ สิวแท้ : เริ่มต้นกันด้วยสิวแท้ ซึ่งจะหมายถึง สิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน แต่กลไกการเกิดสิวนั้น จะต่างจากสิวโดยทั่วไป เพราะว่าจะเกิดจากการที่มีน้ำมันอุดตันอยู่ในรูขุมขนมากเกิน บวกกับมีสิ่งสกปรกอุดตันที่ผิว เกิดรวมขึ้นเป็น คอมิโดน หรือ สิวอุดตัน หลังจากนั้นก็ขยายขึ้นเป็นหัวสิวขนาดเล็ก หรือ ใหญ่ ได้หลายแบบ รวมทั้งถ้าหากมีเชื้อแบคทีเรียที่มากเกินไป ก็จะกระตุ้นกลายเป็นสิวอักเสบ มีอาการบวมได้ แต่ทว่า สิวสเตียรอยด์จะเริ่มเกิดจากการอักเสบของเซลล์บุรูขุมขนพร้อมกัน รวมทั้ง ของเสียก็ถูกขับออกมารวมกับน้ำมัน ทำให้เกิดการอุดตัน จึงเกิดเป็นสิวสเตียรอยด์ขึ้น ด้วยการเกิดสิวที่ต่างกันนี้ จึงทำให้สิวสเตียรอยด์นั้น แตกต่างจากสิวทั่วไปอยู่ตรงที่ มีลักษณะเป็นปื้น เป็นกระจุก ประทุทุกรูขุมขน โดยทุกเม็ดจะดูคล้ายกันขนาดเท่ากัน ไม่ได้ขึ้นกับระยะสิว จะต่างจากสิวปกติ ที่จะมีหัวเปิด หัวปิด รวมทั้งขนาดปะปนกันขึ้นกับระยะของสิวด้วย นี่แหละคือข้อแตกต่างที่ สิวสเตียรอยด์ ทำร้ายผิวได้มากกว่า สิวทั่วไป
  • สิวเทียม หรือรูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา : สำหรับสิวประเภทนี้จะถูกเรียกได้อีกหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น สิวยีสต์ หรือ สิวเชื้อรา หรือ สิวเทียม โดยจะมีลักษณะคล้ายสิว ที่กลไกเกิดจากากรที่สเตียรอยด์ไปกดภูมิคุ้มกันที่ผิวหนังจึงเสียสมดุล ซึ่งโดยปกติแล้วเราจะมีเชื้อนี้ที่ผิวกันอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ทำให้มีอาการผิดปกติก็จะไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ถ้ามีการเติบโตที่เพิ่มมากขึ้นเกินความจำเป็น จะกระตุ้นให้รูขุมขนอักเสบ และ ติดเชื้อได้ สำหรับบางรายอาจจะมีอาการรูขุมขนอักเสบร่วมด้วย ตัวอย่างเช่น มีตุ่มนูนแดง ตุ่มหนอง รวมทั้งมีอาการคันร่วมด้วย
  • ภาวะโรซาเซียจาก สเตียรอยด์ : สำหรับภาวะนี้คือสิวอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ถูกเรียกว่าเป็นภาวะ โรซาเซียจาก สเตียรอยด์ แทน โดยจะมีลักษณะอาการคือ เป็นตุ่มนูนแดง ตุ่มหนอง คล้ายรูขุมขนอักเสบ แต่ตุ่มนั้นจะมีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งจะเกิดบริเวรตำแหน่งหัวคิ้ว รอบจมูก รวมทั้งรอบริมฝีปาก อีกทั้งจะมีอาการผิวแดงขึ้น เวลาอากาศร้อนก็จะมีอาการคันร่วมด้วย โดยบางครั้งก็จะเห็นเป็นริ้วของเส้นเลือดฝอยร่วมด้วย ซึ่งสาเหตุของการเกิดภาวะนี้ก็คือ การใช้สเตียรอยด์ ทำให้ภูมิคุ้มกันที่ผิวหนังเสียสมดุล เชื้อไรรูขุมขน ที่เรียกว่า Dermodex มีการเติบโตมากเกินไป นอกจากนั้น การใช้สเตียรอยด์ยังทำให้มีการสร้างเส้นเลือดฝอยบนผิวหนังมากขึ้น จึงทำให้มีอาการของโรซาเซียเกิดขึ้นนั่นเอง

สำหรับประเภทของสิวทั้ง 3 แบบนี้ ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ส่วนใหญ่แล้วอาจจะเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติได้เพียง สิวแท้ หรือ สิวเทียม ดังนั้นแล้ว ในผู้ใช้สารสเตียรอยด์ จะมีโอกาศเกิดขึ้นในรูปแบบของสิวที่อาจจะรุนแรง เป็นหนอง อักเสบ โดยเกิดจากการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสารอันตรายชนิดนี้ผสมอยู่ ดังนั้นแล้วเราจะต้อง สังเกต ศึกษา เรื่องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะใช้งานอย่างละเอียด ก่อนการซื้อ และ ก่อนการใช้งานด้วย 


ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสเตียรอยด์ สังเกตได้อย่างไร

สาเหตุหลักของสิวสเตียรอยด์ เกิดจากการที่ร่างกายได้รับสเตียรอยด์มาเป็นเวลานาน รวมทั้งเป็นผลข้างเคียงที่อันตรายมาก เพราะเมื่อเกิดสิวชนิดนี้อาจจะทำให้ใบหน้าของคุณกว่าจะกลับมาเรียบเนียนได้อีกครั้งนั้นค่อนข้างที่จะต้องใช้เวลานาน รวมทั้งความอดทนในการรักษาด้วย อย่างไรก็ตามเราจะต้องเริ่มต้นด้วยการเฝ้าระวังการใช้ครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด ที่มีส่วนผสมของสารอันตรายนี้ ด้วยวิธีการสังเกตดังต่อไปนี้ 

  • แหล่งที่มาของครีม เช่น ครีมที่ขายใน Facebook, Instagram รวมทั้ง โลกออนไลน์ทุกชนิด ครีมกันแดด เซรั่ม มาสก์หน้า รวมไปถึงสบู่ที่อวดอ้างว่าแก้สิว ผิวขาว หน้าใส อื่น ๆ อีกมากมาย ที่ดูแล้วไม่มีการรับรอง 
  •  มีการโฆษณาสรรพคุณว่าเห็นผลครั้งแรกที่ใช้ เห็นผลในขวดเดียว เห็นผลใน 7 วัน บอกเลยว่าคำเหล่านี้อันตราย 
  • มีการอวดอ้างว่าช่วยทุกอย่าง หน้าใส ลดสิว ลดฝ้า ในขวดเดียว ขวดเดียวนี่เกินไป 
  • การรีวิวของสินค้า ก่อนใช้กับหลังใช้ ที่ดูไม่น่าเชื่อถือ 
  • ครีมในอินเทอร์เน็ต บอกว่ามี อย. แต่ก็ต้องพึงระวังเพราะตอนที่จด อย. อาจจะใช้ส่วนผสมอีกแบบหนึ่ง เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตรวจทุกล็อตการผลิต ต้องระวังขั้นสูงสุด 

ทั้งหมดนี่เป็นเพียงข้อสังเกตเบื้องต้น ซึ่งในปัจจุบันก็อาจจะยังพบเห็นได้อยู่ในโลกโซเชียลมีเดีย รวมทั้งการขายทางออนไลน์ทั่วไป นอกจากสารอันตรายอย่างสเตียรอยด์นั้น อาจจะยังพบสารชนิดอื่นที่โรงงานผลิตอาจจะผสมเข้ามาเพิ่ม ซึ่งต้องบอกเลยว่ามีข่าวในการจับกุมครีมผสมสารอันตรายอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน ดังนั้นต้องระวังขั้นสูงสุด ดังนั้นครีมหรือผลิตภัณฑ์ที่ซื้อ ควรจะมีข้อมูลดังต่อไปนี้

  • เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือ พร้อมทั้งซื้อจากร้านขายยา หรือร้านขายเครื่องสำอางชื่อดังในห้างสรรพสินค้า 
  • การซื้อผ่านทางอินเทอร์เน็ต จะต้องเป็นเว็บไซต์ทางการของแบรนด์นั้น เพราะจะเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือมากที่สุด 

รู้ได้อย่างไรว่าซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสเตียรอยด์ผสม

การระบาดของครีมเถื่อน หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ สเตียรอยด์นั้นมีมากมายจนยากมากที่จะจับได้ทันควัน แต่อย่างไรก็ตามยังมีคนที่หลงเชื่อ รวมทั้งสั่งซื้อมาใช้งาน ถ้าหากว่าคุณเองสงสัยว่าผลิตภัณฑ์ที่ซื้อมานั้นมีส่วนผสมของ สเตียรอยด์หรือไม่ จะมีหลักสังเกตได้ดังต่อไปนี้ 

  • จะมีความรู้สึกว่า สิวหายเร็ว ฝ้าจางได้เร็วกว่าปกติ ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าเป็นการทายารักษาสิว หรือฝ้าโดยทั่วไป จะใช้เวลาเฉลี่ยอย่างน้อยประมาณ 2 สัปดาห์ อาการจะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ หรือ จะใช้เวลากว่า 1-2 เดือนเลยทีเดียวกว่าจะเห็นผล แต่ถ้าเพียงไม่กี่วันนั่นจะต้องสงสัยเอาไว้เลยว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต้องมีส่วนผสมอื่นปนอยู่แน่
  • สำหรับข้อนี้จะเหมือนกันกับข้อแรกคือ หน้าตาจะใส่ผิดปกติ เห็นผลเร็วภายใน 5-7 วัน ผมผื่นต่าง ๆ ก็ยุบ ผิวเนียน เปลี่ยนไปจากเดิม ภายใน 3 วันเท่านั้น
  • อีกหนึ่งข้อสังเกตคือ เมื่อใช้ไปสักพักหน้าจะเริ่มใส จนเห็นเส้นเลือด หรือมีไรขนขึ้นที่บริเวณหน้า แล้วมีสิวเริ่มขึ้นมา 
  • สำหรับในบางรายนั้น เมื่อใช้เป็นประจำจะไม่มีปัญหาใด แต่เมื่อหยุดใช้สิวก็จะบุก หรือมีผดผื่นขึ้นบนใบหน้า 
  • เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์มาแล้ว ก็ยังมีวิธีทดสอบด้วยการตรวจกับชุดทอสอบสเตียรอยด์ ได้เช่นกัน 

อย่างไรก็ตามผิวหน้า หรือผิวกายที่ได้รับการบำรุงจากผลิตภัณฑ์ หรือเครื่องสำอางต่าง ๆ ก่อนที่เราจะซื้อ หรือใช้งาน ก็จะต้องมีการตรวจสอบอย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นแล้วจะเกิดผลร้ายกันตัวเองได้ แต่ถ้าใครที่พลาดไปใช้งานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ จนเกิดผลข้างเคียงอย่าง สิว หรือผดผื่น ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาให้ถูกต้องตามขั้นตอน ซึ่งจะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผิวหนัง พร้อมทั้งความอดทนที่จะต้องผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายไปให้ได้ 


สิวสเตียรอยด์รักษายังไง

สิวสเตียรอยด์รักษายังไง

สำหรับทุกปัญหานั้นมีทางออกเสมอ เมื่อคุณหรือคนใกล้ตัวของคุณเป็นสิวสเตียรอยด์ หรือมีปัญหาสิวทั่วบริเวณใบหน้า ควรให้กำลังใจ พร้อมทั้งช่วยกันหาทางแก้ไข เพราะว่าสิวชนิดนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ พร้อมหน้าตาที่กลับมาสดใสเช่นเดิม เพียงแต่จะต้องใช้ความอดทน วินัย ในการดูแลรักษาหน้า โดยมีวิธีการรักษาดังต่อไปนี้ 

เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ สเตียรอยด์ 

เมื่อเราพบว่ามีสิวขึ้น หรือคิดว่าเป็นผลข้างเคียงจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ดูเหมือนจะมีสารสเตียรอยด์ผสมอยู่ ให้หยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้นทันที หลังจากที่หยุดใช้แล้วนั้น จะมีอาการสิวเห่อมากขึ้น มีผื่นขึ้น อาการจะแย่ลง แต่ทว่าวิธีรักษาคือวิธีนี้แหละ ที่จะต้องปล่อยให้ความอดทนที่มีใช้ในจุดนี้ อีกทั้งห้ามเด็ดขาดที่จะไปซื้อผลิตภัณฑ์รักษาผิวมาใช้ด้วยตัวเอง เพราะเราเองยังไม่รู้เลบยว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หรือสารตัวใด ถ้ายิ่งใช้ยารักษาก็อาจจะเป็นหนักมากกว่าเดิม แนะนำ รวมวิธีลดความมันบนใบหน้า เพื่อป้องกันการเกิดสิว

รักษาสิวสเตียรอยด์ ด้วยตัวเอง

ต่อจากวิธีแรก เมื่อยังไม่สะดวกที่จะไปพบแพทย์ หรือยังมีอาการที่ไม่รุนแรงมาก ขอแนะนำให้ใช้ยารักษาด้วยตัวเอง ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 

  • เลือกการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดูแลผิวหน้าทุกชนิดจะต้องใช้สูตรที่ไม่มีส่วนผสมของ AHA BHA โดยมีผลิตภัณฑ์ตั้งแต่สบู่ล้างหน้า ครีมบำรุง ที่เป็นสูตรอ่อนโยนต่อผิว เพราะส่วนผสมของไวท์เทนนิ่ง อาจจะทำให้ระคายเคืองผิวได้ รวมทั้งทำให้หน้าแห้งลอกมากขึ้น แต่เลือกส่วนผสมของสารเพื่มความชุ่มชื้น เช่น Alovera Vitamin E Ceramide
  •  ใช้ยาทากลุ่มรักษาสิวบางชนิดที่มีตามร้านขายยา ตัวอย่างเช่น ยา Benzac หรือ Clinda M แต่ทว่าก่อนที่จะใช้ต้องมั่นใจว่าผิวของเรานั้น ไม่แพ้ง่าย เพราะถ้าแพ้ง่ายก็จะมีอาการระคายเคืองขึ้นไปอีก 
  • การรักษาสิวสเตียรอยด์นั้น ผู้ที่รักษาตัวจะต้องเข้าใจว่า เป็นอาการที่ใช้ระยะเวลาการรักษายาวนานมาก อย่างน้อยประมาณ 3 เดือน ถึงจะเห็นผล หรือดีขึ้น ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก 
  • ในกรณีที่มี สิวสเตียรอยด์ รุนแรงมาก คือ มีสิวเห่อเต็มหน้า มีหนอง มีตุ่มปริมาณมาก จะมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งจะมีคำแนะนำที่สำคัญคือ ให้แพทย์ช่วยวินิจฉัยอาการ จะได้วางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง รวมถึงวิธีรับมือ ปัญหาผิวกับสิวฮอร์โมน

รักษาสิวสเตียรอยด์ โดยแพทย์

สำหรับวิธีการรักษาสิวสเตียรอยด์ โดยแพทย์นั้นจะมีวิธีการรักษาได้หลายวิธี ซึ่งนั่นก็จะแบ่งออกไปตามความรุนแรงของอาการคนไข้แต่ละราย ซึ่งจะมีความแตกต่างกัน โดยคำแนะนำของแพทย์จะมีด้วยกันดังนี้

  • รักษาโดยใช้ยาชนิดทา จะทำให้ละลายหัวสิว ฆ่าเชื้อสิว 
  • ผลิตภัณฑ์อื่น ที่เหมาะกับสภาพผิว ตัวอย่างเช่น สบู่ล้างหน้า ครีมบำรุง ครีมกันแดด แนะนำ กันแดดสําหรับคนเป็นสิว
  • รักษาโดยการให้ยา ลดการทำงานของต่อมไขมัน ยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ เพื่อลดสิว 
  • มีการรักษาเสริม เพื่อให้มีประสิทธิภาพการเห็นผลเร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น การกดสิว ทรีทเมนท์ลดสิว เลเซอร์ ฉายแสง 

ซึ่งการดูแลของแพทย์นั้นก็จะแตกต่างกันไปด้วย เพราะว่ากลุ่มรักษาสิวสเตียรอยด์นั้นมีหลายกลุ่ม ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่า สิวชนิดนั้น เป็นสิวแท้ หรือสิวยีสต์ โดยจะให้ยารักษาตามอาการรวมทั้งเป็นยาที่ปลอดภัย เพราะได้รับการตรวจสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้ว 


ทุกคำถาม เกี่ยวกับการรักษา 

สำหรับการรักษาสิวสเตียรอยด์ นั้น จะมีคำถามที่หลากหลายมากจากผู้ที่เข้ารับการรักษา เพราะมีความกังวลใจ รู้สึกไม่ไว้ใจ เพราะเคยพลาดใช้ครีมที่มีสารอันตราย หรือ การระคายเคืองมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ทุกคำตอบต่อจากนี้จะทำให้คุณสบายใจได้อย่างแน่นอน 

1. ระยะเวลารักษา สิวสเตียรอยด์ 

การรักษาสิวสเตียรอยด์ นั้นส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลานานมากกว่าสิวทั่วไป เนื่องจาก สิวชนิดนี้จะมีสาเหตุภูมิคุ้มกันที่น้อยลง ผิวก็ยังไม่แข็งแรง ทำให้การรักษา จะต้องใช้เวลาในการปรับตัว ปรับยา ให้ผิวกลับมาฟื้นตัวแข็งแรงเต็มที่ ส่วนระยะเวลาของการรักษานั้น จะขึ้นอยู่กับว่าเราได้ใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีสารสเตียรอยด์มานานเท่าไหร่ โดยปกติแล้ว การรักษาจะอยู่ที่เริ่มต้น 3 เดือน ไปจนถึง 6 เดือน และ 1 ปี

2. ตอบคำถามเรื่องการกดสิวสเตียรอยด์ 

การรักษาแบบเสริมอย่างหนึ่งที่ถูกพูดถึง นั่นก็คือ การกดสิว ซึ่งในกรณี สิวสเตียรอยด์นั้น จะต้องเป็นสิวชนิดสิวอุดตัน แบบมีหัวสิว ซึ่งจะช่วยให้การรักษาสิวแบบนี้เร็วมากขึ้น แต่ทว่า การกดสิวนั้น จะต้องดูแลโดยแพทย์ หรือ ผู้เชี่ยวชาญ เพราะควรทำอย่างถูกวิธี ปลอดเชื้อ ถึงจะปลอดภัย 

ซึ่งการกดสิวในรูปแบบที่ไม่ถูกวิธี หรือ แบบไม่ปลอดเชื้อนั่น จะยิ่งมีความเสี่ยงให้ผิวหนังจากเดิมที่ไม่แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันผิวที่ไม่ดีตามไปด้วยนั่นเอง อีกทั้งยังเสี่ยงติดเชื้อง่ายกว่าปกติ สามารถเกิดการอักเสบ ลุกลามขึ้นได้ รวมไปถึงการทิ้งรอยแผลเอาไว้นานกว่าเดิมด้วย 

3. ควรรักษาสิวสเตียรอยด์ ได้ที่ไหน 

สำหรับการรักษาสิว ซึ่งเกี่ยวกับผิวหน้าโดยตรง คุณจะต้องเลือกสถานที่อย่าง คลินิก หรือ โรงพยาบาล ที่ได้รับการรับรอง มีความน่าเชื่อถือ มีชื่อเสียง ถึงแม้ว่าจะมีค่ารักษาพยาบาลที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้าการันตีว่าหาย หรือ ให้ผิวหน้าดีขึ้น ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกได้เช่นกัน 

ดังนั้นแล้ว ควรปรึกษาในกลุ่มเพื่อน หรือ ในกลุ่มที่เคยเป็นสิวสเตียรอยด์ด้วยกัน จะได้รับคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับสถานที่รักษา แต่อย่าลืมเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย ราคา และ ความใส่ใจของแพทย์ เพราะว่าจะต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง การดูแลที่มีมาตรฐานที่ดี จึงเป็นคลินิกที่ไม่ควรจะมองข้ามไป 


ทั้งหมดนี่คือเรื่องของ สิวสเตียรอยด์รักษายังไง สิว ที่ไม่สิวเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าเกิดว่าใครเคยเป็นสิวสเตียรอยด์ จะทราบดีว่ามันจะมีความรู้สึกเป็นอย่างไร ดังนั้นแล้ว ใครที่กำลังคิดที่จะใช้ครีมราคาถูก แต่มีการรีวิวที่ดี โฆษณาชวนเชื่อ หรือ แม้กระทั่งการหลอกขายผลิตภัณฑ์เถื่อนบนโลกออนไลน์ ก็จะต้องระวัง เช็กให้ดี ไม่เช่นนั้นแล้วผิวหน้า หรือผิวกายของคุณจะได้รับสารอันตรายอย่างสเตียรอยด์เข้าไป ซึ่งถ้ายิ่งเข้าไปในปริมาณที่มากก็จะยิ่งส่งผลเสียให้ร่างกายมากเท่านั้น

สำหรับใครที่เป็นสิวชนิดนี้อยู่ไม่ต้องเป็นกังวล เพียงแค่ใช้ความอดทน รวมทั้งวินัยในการทานยา หรือ ทายา ใบหน้าที่สวยงามของคุณ จะกลับมาสวยงามได้อีกครั้งอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ คุณจะต้องมีความมุ่งมั่น มีเป้าหมาย ทำตามแผนการรักษาอย่างต่อเนื่อง ห้ามใช้ทางลัดอื่น ๆ ที่ดูไม่เหมาะสม ไม่อย่างนั้นแล้วใบหน้าของคุณอาจจะต้องมีรอยแผล และเสียโฉมไปตลอดกาล สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้สำหรับผู้ที่กำลังต่อสู้กับสิวแพ้สาร หรือสิวสเตียรอยด์ ขอให้สภาพผิวหน้า หรือผิวกายกลับมาสู่ภาวะปกติ 


อ้างอิง

acne

หน้ามันเป็นสิว ทำอย่างไรดี? เปิด 9 วิธีลดความมันบนใบหน้า ป้องกันการเกิดสิว

July 5, 2022
หน้ามันเป็นสิว

หน้ามันเป็นสิว ทำอย่างไรดี? เปิด 9 วิธีลดความมันบนใบหน้า ป้องกันการเกิดสิว

“ปัญหาเรื่องสิว” ถึงแม้จะชื่อสิว แต่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับวัยรุ่น รวมไปถึงหนุ่มสาวหลายคน ที่ประสบปัญหาเรื่องของ หน้ามัน เป็นสิว แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ลดทอนความมั่นใจในตัวเองลงไปเยอะมาก ถึงแม้ว่าจะมีหลากหลายวิธี ที่จะป้องกัน รวมทั้งบำรุงผิว ปรับเคมีในร่างกายทุกรูปแบบ แต่สำหรับบางราย สิวก็ยังบุกมาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงอาการแพ้ ไม่ว่าจะเป็น การแพ้น้ำที่อาบ แพ้เครื่องสำอาง สารบางชนิดที่พบในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตามวันนี้พวกเราก็มีบทความดี ๆ เป็นความรู้เกี่ยวกับ หน้ามันเป็นสิว และ 9 วิธีลดความมันบนใบหน้า ป้องกันการเกิดสิว รวมไปถึงความเป็นมาของคำว่าสิว พร้อมไปถึงวิธีแก้ปัญหาเพื่อให้ใบหน้าของเราไม่มัน ห่างไกลสิวได้ทุกรูปแบบ แต่ก่อนอื่นเลยเราต้องไปทำความเข้าใจกันก่อนเกี่ยวกับ “ปัญหาหน้ามัน และ สิว” นั่นเอง


หน้ามันเป็นสิว เกิดจากอะไร

หน้ามันเป็นสิว

หนึ่งในปัญหาผิวที่กวนใจของหนุ่มสาวหลายคน อย่าง “หน้ามัน” เพราะว่าเมื่อเกิดอาการนี้แน่นอนเลยว่าความเสี่ยงที่จะเกิดสิวนั้น มาเป็นอันดับต้น ๆ เพราะการที่มีสภาพผิวที่มีรูขุมขนกว้าง เมื่อหน้ามัน รวมไปถึงการที่ทำให้ผิวหน้าของเรานั้นดูคล้ำ เสีย เกิดริ้วรอย ก่อนวัยอันควร อีกหนึ่งปัญหาหลักสำหรับสาว ๆ เลยก็คือ การแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางก็จะไม่ติดทนด้วย จะเห็นได้ว่าปัญหานี้ไม่ได้แค่เรื่องเกิดสิวเพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาในเรื่องอื่น ๆ ด้วย และที่สำคัญทำให้เราดูเป็นคนที่ไม่สะอาดด้วย 


ปัญหาหน้ามัน เกิดได้อย่างไร ? 

หน้ามันเป็นสิว

ก่อนอื่นเลยต้องไล่ทำความรู้จักกันตั้งแต่สาเหตุของเรื่องนี้กันก่อนเลยว่า เกิดขึ้นได้อย่างไร ? คำตอบที่ได้ก็คือ ปัญหาผิวหน้ามัน เกิดจากการที่ร่างกายของเรานั้น มีการผลิตน้ำมันออกมาปกป้องผิวหน้า ไม่ให้ใบหน้าของเราแห้ง แต่ทว่าในปัจจุบัน อาจจะมีปัจจัยบางอย่าง ที่จะทำให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมามากเกินความจำเป็น จึงส่งผลให้หน้าของเรา มีน้ำมันมากกว่าปกติ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่บริเวณจมูก นั่นเอง แต่ในบางรายก็มันฉ่ำไปทั้งหน้าเลยทีเดียว โดยปัญหาหน้ามันที่เกิดขึ้น มีด้วยกันถึง 5 สาเหตุด้วยกัน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 


5 สาเหตุของการเกิด “หน้ามัน”

  • หน้ามันที่เกิดจาก กรรมพันธุ์ โดยจะเรียกได้ว่าเกิดมาจากพ่อแม่ ที่ถ่ายทอดออกมาสู่ลูก โดยในครอบครัวถ้าเกิดปัญหาผิวมัน ก็จะส่งต่อไปยังลูกหลานได้เช่นเดียวกัน นี่แหละคือการเกิดหน้ามันได้แบบธรรมชาติมากที่สุด เป็นปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 
  • หน้ามันที่เกิดจาก ฮอร์โมน สาเหตุนี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ถ้าพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือในช่วงวัยรุ่น ซึ่งจะพบได้ในผู้ที่มีฮอร์โมนเพศชายสูง ซึ่งก็อยู่ในเรื่องที่เป็นได้ทั้งผู้หญิง และผู้ชายได้เช่นเดียวกัน
  • หน้ามันที่เกิดจาก สภาพอากาศ ในบางครั้ง เมื่อร่างกายต้องมีการสร้างสมดุลให้กับตัวเอง วันที่อากาศร้อนก็จะถูกขับเหงื่อออกมา น้ำมันก็ออกมาจากร่างกายด้วย ในสภาพอากาศที่ร้อนจะทำให้เรานั้นหน้ามันได้ บางรายมีการขับออกมามาก ทำให้สังเกตเห็นได้ชัดเจน 
  • หน้ามันที่เกิดจาก การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแล ผิวหน้า ผิดประเภท สาเหตุนี้จะพบได้บ่อยกับผู้หญิงหลายคนอาจจะแพ้ หรือมีการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน รวมไปถึงการบำรุงผิวหน้าที่มากเกินไป บำรุงด้วยความเข้มข้น จะทำให้มีสิ่งอุตตัน ผิวหน้าก็จะมันมากกว่าเดิม และเกิดสิวในที่สุด 
  • หน้ามันที่เกิดจาก ผิวขาดความชุ่มชื้น มองดูแล้วเป็นเรื่องยากมาก เพราะสาว ๆ หลายคนมีผิวที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการดูแลก็จะต้องดูแลแทบทุกคนไม่ควรให้ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น แต่ถ้าใช้มอยส์เจอไรเซอร์ หรือผลิตภัณฑ์บำรุง ก็ควรเป็นสูตรน้ำ แบบเจล หรือเครื่องสำอางที่มีเนื้อบางเบา แนะนำ วิธีในการดูแลผิวให้ชุ่มชื้นขึ้น 

สำหรับปัจจัยทั้ง 5 ที่เป็นสาเหตุให้ “หน้ามัน” เป็นการยกมาให้อ่าน เพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก บางรายถูกถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ แต่บางรายก็อยู่ในช่วงเติบโต ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอยู่เสมอ แต่สำหรับบางรายก็ใช้เครื่องสำอางที่ผิดประเภท หรือ ใช้มากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี แน่นอนว่าแต่ละคนมีหน้าตา และ ระบบการขับเหงื่อที่แตกต่างกันไป ยิ่งไปกว่านั้นสภาพอากาศในปัจจุบันก็ร้อน และ เป็นส่วนหนึ่งของการเกิดหน้ามันได้อยู่เป็นประจำ  


4 เรื่อง กับที่คุณต้องรู้เรื่องสิว  

เรื่องที่ต้องรู้หากเป็นสิว

หลายคนอาจจะทราบดีว่า สิวเกิดจากอะไร แต่สำหรับวันนี้จะขอลงลึกให้ท่านผู้อ่านเข้าใจง่ายกันสักหน่อย เกี่ยวกับปัญหาที่แท้จริงของเรื่องสิว ที่ดูแล้วไม่เล็กเลย แน่นอนว่าในหัวข้อนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับสิว รวมทั้ง การดูแลที่ตรงจุด ไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายนั่นเอง ซึ่งทั้ง 4 แบบนี้จะมีอะไรบ้าง ติดตามอ่านกันได้เลย 

  • สาเหตุเกิดจากการเกิดสิวอุดตันขนาดเล็กใต้ผิวหนัง เรียกได้ว่าเป็น สิวอุดตัน หรือ โคมีโดน คือ สภาวะที่รูขุมขนนั้น เกิดการอุดตัน โดยจะมี “ไมโครมีโดนน” หรือ เรียกได้อีกอย่างว่า สิวอุดตันที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า โดยเกิดจากการสร้างชั้นเคราตินของเซลล์ผิวหนัง โดยปกติแล้ว เจ้าตัวของ สิวอุดดัน “ไมโครมีโดนน” จะสบายไปเองตามธรรมชาติ แต่ในแบบที่เกิดขึ้นจะเกิดการอักเสบใต้ชั้นผิวไปร่วมด้วย โดยทางการแพทย์จะเรียกว่าสิวอักเสบชนิดไม่รุนแรง โดยสิวชนิดนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ ตามระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอยู่แล้ว แต่ในบางรายก็เกิดขึ้นได้จากมีสิ่งอุดตันที่รูขุมขน จนทำให้เกิดสิวนั่นเอง
  • สาเหตุในภาวะที่ผลิตน้ำมันมากเกินไป โดยชั้นผิวก่อตัวหน้าผิดปกติ จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยเจริญพันธ์ โดยสาเหตุนี้จะครอบคลุมไปถึงเรื่องการใช้ยาบางประเภท รวมไปถึงผลกระทบจากมลภาวะทั่วไป โดยสิ่งเหล่านี้จะทำให้การผลิตน้ำมันของผิวเพิ่มขึ้น มากขึ้น โดยส่งผลให้เกิดสิวประเภทต่าง ๆ เช่น สิวหัวดำ กับ สิวหัวขาว โดยทั้งคู่ยังเป็นสาเหตุหลักเลยที่เกิดการติดเชื้อ จนกลายเป็นสิวหนองนั่นเอง โดยภาวะผิวหนังผลิตไขมันมากผิดปกติ มีด้วยกัน 2 แบบก็คือ 
    • ภาวะผิวหนังผลิตไขมันมากผิดปกติ  มีอาการก็คือ ผิวหนังของเราจะทำให้ฮอร์โมนชนิดนี้ กระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณมากกว่าปกติ ก่อให้เกิดการสะสมน้ำมันบนผิวหนัง และทำให้ต่อมไขมันอุดตัน ส่งผลให้เกิดสิว
    • ภาวะชั้นผิวก่อตัวหนาขึ้นผิดปกติ เกิดจาก การก่อตัวหน้าขึ้นของผิวชั้นนอก โดยมีสาเหตุมาจาก แบคทีเรีย Propionibacterium acnes หรือ P.acnes ซึ่งตัวมันจะสร้างแผ่นฟิล์มบา ๆ บนผัวหนัง โดยมีหน้าที่ขัดขวางกระบวนการหลุดลอกของชั้นผิวหนัง จึงทำให้เกิดการอุดตัน และ กลายเป็นสิวในที่สุด 
  • เรียนรู้เรื่อง สิวทุกประเภท เรื่องของ “สิว” มีหลากหลายคำเป็นอย่างมากโดยถูกแยกประเภทออกไปตามรูปแบบ ตัวอย่างเช่น สิวอุดตัน สิวตุ่มนูนแดง สิวหัวหนอง สิวอักเสบ สิวหัวเปิด และ สิวหัวปิด เป็นต้น โดยประเภทสิวที่กล่าวมาทั้งหมด โดยในเรื่องของสิวอักเสบ จะเกิดอาการเจ็บร่วมด้วย  
  • การโตของแบคทีเรีย P.acnes ทำให้อักเสบรุนแรงขึ้น เมื่อแบคทีเรียชนิดนี้ ย่อยสบายน้ำมัน จะทำให้สิวของเราเกิดการอักเสบมากขึ้น โดยแบคทีเรียชนิดนี้จะเข้ามาอาศัยอยู่ในต่อมไขมัน ที่มีการอุดตัน เพื่อย่อยสลาย โดยกระบวนการนี้ทำให้เกิดการอักเสบที่มากขึ้น โดยมีอาการตุ่มนูนแดง รวมทั้งสิวหัวหนองด้วยนั่นเอง 

นี่แหละคือทุกเรื่องที่ทำให้คุณเกิดสิว ไม่จำเป็นเลยว่าคน ๆ นั้นจะรักษาความสะอาด หรือดูแลตัวเองดีแค่ไหน แต่เรื่องสิว ไม่เกิดขึ้นกับปัจจัยที่ก่อขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่มีเรื่องของระบบภายในร่างกาย ฮอร์โมน รวมถึงสารเคมีที่ทำให้เกิดสิวได้เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ผิดปกติก็คือ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เราจะต้องรู้สาเหตุ เมื่อมีการอักเสบ เราก็จะต้องมีการรักษา เพราะอาการเจ็บปวดจากสิวอักเสบไม่ใช่เรื่องสนุก อีกทั้งการเกิดแผล หรือติดเชื้อ ก็อาจจะทำให้หายยาก เป็นแผลเป็นได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรที่จะปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยด่วน เมื่อเกิดสิวอักเสบ หรือสิวแบบแพ้สารเคมี รับมือปัญหาผิวกับสิวฮอร์โมน


9 วิธีลดความมันบนใบหน้า

วิธีลดน้ามันเป็นสิว

พักเรื่องสิว ๆ มาลองดูวิธีที่จะช่วยลดความมนบนใบหน้ากันดูบ้าง เพราะว่าการเกิดสิว ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องธรรมชาติได้เพียงอย่างเดียว แต่เมื่อไหร่ที่คุณไม่ได้ดูแลตัวเอง ทั้งเรื่องของสุขภาพร่างกาย สุขภาพผิวหน้า รวมไปถึงสุขภาพจิตใจ ที่ทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด สำหรับทั้ง 9 วิธี จะแนะนำให้ทำเรื่องอะไรบ้าง อ่านกันต่อได้เลย

1. ลดความมัน ด้วยการล้างหน้าให้สะอาด และถูกวิธี 

การลดความมันบนใบหน้า เรื่องแรกเลยต้องล้างหน้าให้สะอาด รวมทั้งถูกวิธีด้วย ก่อนอื่นเลยต้องแนะนำ ให้ใช้คลีนเซอร์ ทำความสะอาดเครื่องสำอาง เน้นตัวที่มีส่วนผสมของ BHA นั่นก็คือ กรดซาลิไซลิก Salicylic Acid โดยจะมีคุณสมบัติช่วยขจัดความมัน รวมทั้งสิ่งสกปรก ไม่ให้ตกค้างอยู่ในรูขุมขน แต่อย่าล้างหน้าบ่อยเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้หน้ามันมากขึ้น 

2. ใช้เครื่องสำอางที่เหมาะกับสภาพผิว 

การใช้เครื่องสำอางบนใบหน้า คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าสาว ๆ ทุกคนต้องใช้ ดังนั้นแล้วควรศึกษาให้ดี หรือ เลือกใช้สักนิด ว่ามีส่วนผสมของน้ำมัน หรือ บางตัวอาจจะมีเนื้อสัมผัสที่หนาเกินไปหรือไม่ เพราะจะทำให้ซึมเข้าผิวยาก เกิดการอุดตัน ดังนั้นควรเลือกเครื่องสำอางที่มีเนื้อบางเบา เพราจะซึมเข้าผิวง่าย และ ทำให้หน้าไม่มันนั่นเอง 

3. การมาส์กหน้าด้วยสูตรธรรมชาติ ลดหน้ามัน

การมาส์กหน้าโคลน หรือ ใช้สูตรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น การใช้น้ำผึ้ง, ว่านหางจระเข้, ไข่ขาว หรือมะนาว โดยการใช้แบบธรรมชาติจะเซฟเรื่องการแพ้สารเคมีบางชนิดได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับบางรายก็ไม่มีปัญหาเมื่อจะซื้อมาใช้งาน แต่ป้องกันเอาไว้ก่อนก็จะดีมาก ยิ่งรู้ว่าตัวเองผิวแพ้ง่าย ยิ่งต้องเลือกใช้ให้ดี 

4. ลดหน้ามันใช้กระดาษซับหน้ามัน 

คำว่า “ซับหน้ามัน” ไม่ใช่ “เช็ดหน้ามัน” ต้องทำความเช้าใจ เพราะวิธีใช้จะต้องใช้ให้ถูก เพราะเราต้องค่อย ๆ ซับ คือ แปะ ๆ ทั่วหน้า ไม่ควรที่จะถูหน้าแรง ๆ รวมทั้งถูไปทั่วใบหน้าในครั้งเดียว ที่สำคัญเลยเมื่อใช้กระดาษซับมัน ควรซับให้แต่พอดี ไม่เช่นนั้นจะทำให้น้ำมันบนหน้าน้อย และ ร่างกายก็ยิ่งขับออกมาทำให้หน้ามันกว่าเดิมได้ ดังนั้นแล้วต้องใช้อย่างถูกวิธีด้วย

5. หลีกเลี่ยงแดด และใช้ครีมกันแดด

สำหรับสาว ๆ ก็คงทราบกันอยู่แล้วว่า ลดการปะทะกับแสงแดดโดยตรง พร้อมทั้งมีการทาครีมกันแดดบนใบหน้าป้องกันอยู่แล้ว แต่สำหรับคุณผู้ชายอาจที่จะไม่ได้ใส่ใจในจุดนี้มาก ดังนั้นแล้ว ควรที่จะหลีกเลี่ยงแดดจัด เพราะนี่คือสาเหตุจากสิ่งแวดล้อมภายนอกที่ทำให้หน้ามันได้ และ อย่างลืม ใช้ครีมกันแดดเพื่อบำรุงผิวหน้า พร้อมปกป้องการถูกทำร้ายจากรังสี UV ด้วย  

6. ทานยากลุ่มกรดวิตามินเอ 

โดยยาในกลุ่มนี้มีชื่อสามัญทางยาว่า ไอโซเตรติโนอิน (isotretinoin) หรือเรติโนอิก แอซิด (retinoic acid) เป็นยาที่ใช้รักษาสิวที่มีฤทธิ์กดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผลิตสารที่เป็นไขมันลดลง จึงลดให้หน้าไม่มันได้ แต่จัดว่าเป็นยาอันตราย ต้องใช้ตามแพทย์สั่งเท่านั้น เพราะว่าค่อนข้างมีผลข้างเคียงที่อันตราย เมื่อหยุดยานี้ก็ทำให้ต่อมไขมันกลับมาทำงานปกติ รู้จักกับ เรตินอล ส่วนผสมสำคัญในสกินแคร์

7. เลือกใช้โฟมล้างหน้าให้ถูก

ข้อนี้จะทำให้คุณช่วยลดการเกิดสิว หรือ การล้างหน้าไม่สะอาดไปด้วยเลย เพราะโฟมล้างหน้าจะต้องมีค่า PH ที่เป็นกลาง กับไปทางเป็นกรดเล็กน้อย เพราะจะช่วยให้แบคทีเรียไม่สามารถเจิรญเติบโตบนใบหน้าได้ ควรเลือกโฟมล้างหน้าสูตรเย็น เพราะจะช่วยให้ผิวหน้าตึง กระชับรูขุมขน อีกทั้งช่วยเรียกความสดชื่นด้วย 

8. เลือกกินอาหาร 

อาหารควรที่จะเลือกสักนิด ก็คืออาหารที่มีวิตามินเอ กับ วิตามินบี 2 ตัวอย่างเช่น ถั่วต่าง ๆ ส่วนวิตามินเอ จะได้แก่ประเภท แครอท,แคนตาลูป,ผัก เป็นต้น ที่สำคัญสิ่งที่คุณต้องเลี่ยงเลยก็คือ อาหารประเภททอด อาหารมัน  เพราะจะยิ่งทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาเยอะมากขึ้นนั่นเอง

9. พักผ่อนให้เพียงพอ 

เมื่อเราไม่มีความเครียด ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สุขภาพแย่ ก็แทบจะไม่ต้องกังวลใด ๆ เกี่ยวกับการเกิดสิว หรือ ผิวหน้ามัน เมื่อเรามีระบบของร่างกายที่ปกติ ไร้ความเครียด สภาพจิตใจดี มีความสุข พักผ่อนเพียงพอ เพียงเท่าที่ก็จะทำให้ลดหน้ามันได้เช่นเดียวกัน แต่ในบางรายอาจจะต้องหมั่นล้างหน้า หรือ ควบคุมด้วยเครื่องสำอาง แต่เมื่อร่างกายของเราพร้อมสู้ ทุกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องยาก 


พวกเราหวังว่าข้อมูล หน้ามันเป็นสิว ทั้งหมดในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสาเหตุเกี่ยวกับ หน้ามัน รวมทั้งเรื่องของการเกิดสิว จะเป็นข้อมูลความรู้ที่พวกเราเรียบเรียงมาให้ทุกท่านได้อ่านเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้ทุกคนเข้าใจว่า คนที่เป็นสิว ไม่ใช่คนที่ไม่ดูแลตัวเอง แต่บางครั้งมีเรื่องของการถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือ ฮอร์โมนที่อยู่ในร่างกายไม่เหมือนคนอื่น แต่เรื่องนี้เราจะก้าวผ่านไปได้ด้วยการรักษาทางการแพทย์ พฤติกรรมความเป็นอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขได้ สำหรับบางคนแพ้เครื่องสำอาง หรือแพ้สารเคมี จนเกิดสิว ยังมีวิธีรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้ แต่ต้องใช้เวลา ความอดทน ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าอยากหายเป็นปกติ สุดท้ายนี้พวกเราขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังเผชิญกับสิวในแบบต่าง ๆ ขอให้หายเป็นปกติในเร็ววัน


อ้างอิง

acne

สิวฮอร์โมนรักษายังไง มารับมือปัญหาผิวกับสิวฮอร์โมนใน 3 วิธี

July 8, 2021
สิวฮอร์โมนรักษายังไง

สิวฮอร์โมนเกิดขึ้นเมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนบางชนิดมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้ต่อมน้ำมันในผิวหนังอุดตันและนำไปสู่การเกิดสิวได้ แล้ว สิวฮอร์โมนรักษายังไง มาดูวิธีดังต่อไปนี้

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสิวฮอร์โมน?

สิวฮอร์โมน เป็นลักษณะของสิวที่มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของร่างกาย สิวประเภทนี้คือความแปรปรวนของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) หรือ การที่มีฮอร์โมนเพศชายในสัดส่วนที่เยอะกว่าฮอร์โมนเพศหญิง สิวดังกล่าวมักเกิดตรงครึ่งล่างของใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณกรามหรือคาง บางทีก็ขึ้นบริเวณแผ่นหลัง เป็นสิวรูปแบบหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวเรื้อรังและเกิดรากลึกลงไปในผิวหนังซึ่งสร้างความเสียหายได้มากกว่าสิวหัวขาวหรือสิวหัวดำแบบทั่ว ๆ ไป

ส่วนใหญ่สิวประเภทนี้มักจะเป็นในช่วงก่อนมีประจำเดือนในเพศหญิง ส่วนในเพศชายมักพบได้ทุกช่วงเริ่มต้นเข้าสู่วัยรุ่น ซึ่งโอกาสในการเป็นสิวฮอร์โมนมีมากกว่า 50% ที่เกิดขึ้นในผู้หญิงวัย 20 – 29 ปี และมีประมาณ 25% ในช่วงอายุ 40 – 49 ปี ที่สิวฮอร์โมนยังคงเกิดขึ้นอยู่ อาจมีการเกิดสิวขึ้นใหม่เรื่อย ๆ ในช่วงวัยหมดประจำเดือนอันเนื่องมาจากความแปรปรวนของฮอร์โมนในร่างกาย ดูเหมือนว่าไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่สิวก็อาจทำลายวันดี ๆ ของคุณได้ และนี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าสิวของคุณเกี่ยวข้องกับความแปรปรวนของฮอร์โมน

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสิวฮอร์โมน

  • ขึ้นบริเวณคางและกราม

ฮอร์โมนส่วนเกินในร่างกายมักไปกระตุ้นต่อมน้ำมันซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่บริเวณคาง ต่อมน้ำมันส่วนเกินเหล่านี้ทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เกิดสิวชนิดนี้ แม้ว่าคางและกรามจะเป็นจุดที่พบได้บ่อยสำหรับการเป็นสิวฮอร์โมน แต่ก็อาจเกิดขึ้นที่ด้านข้างของใบหน้า ใต้แก้ม ตามลำคอ หรือ รอบริมฝีปากก็ได้

  • เป็นสิวเดือนละครั้ง

สิวฮอร์โมนมักปรากฏเป็นวัฏจักรเหมือนกับรอบเดือนของผู้หญิง แม้หมดประจำเดือนก็อาจเป็นสิวฮอร์โมนได้อยู่ ผู้หญิงวัยนี้ยังคงประสบกับระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่ไม่สมดุลอยู่ แม้ว่าจะต่ำกว่าตอนก่อนหมดประจำเดือนก็ตาม สิวฮอร์โมนมักจะขึ้นที่เดิมทุกเดือนเช่นกัน ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่รูขุมขนกว้างขึ้นจากการเป็นสิวครั้งก่อน หาก รูขุมขนกว้างทำไงให้ดูกระชับขึ้น

  • เครียดเกินไป

ยิ่งเครียด สิวยิ่งขึ้น เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเครียดฮอร์โมนคอร์ติซอลจะถูกกระตุ้นให้หลั่งมากขึ้น (คอร์ติซอลเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียด) การหลั่งของฮอร์โมนกระตุ้นให้ต่อมไขมันบนผิวหนังผลิตน้ำมันออกมากเกินไป ส่งผลต่อการทำงานของต่อมไขมันและอาจทำให้เกิดสิว หรือทำให้สิวที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้น

ในการจัดการกับสิวฮอร์โมน สิ่งสำคัญคือต้องรักษากิจวัตรการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงหรือระคายเคือง และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล การใช้ยารักษาเฉพาะที่ที่มีเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ กรดซาลิไซลิก หรือน้ำมันทีทรีอาจช่วยได้ และการรักษาด้วยฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิดหรือสไปโรโนแลคโตนอาจกำหนดโดยแพทย์ผิวหนัง สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการแกะหรือบีบสิว เพราะอาจทำให้เกิดแผลเป็นและเกิดการอักเสบตามมาได้ ด้วยการจัดการที่เหมาะสม สิวฮอร์โมนสามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเป็นสิวบนใบหน้า ห้ามแกะหรือบีบสิวโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดแผลเป็นและเกิดการอักเสบตามมาได้ หรือเป็นรอยดำที่รักษาได้ยาก ดังนั้น ต้องหลีกเลี่ยงสิ่งนี้และค่ายหาวิธีรักษาสิวหรือจุดด่างดำอย่างถูกวิธี


นี่คือ 3 วิธีรักษาสิวฮอร์โมน

สิวฮอร์โมนเกิดจากความผันผวนของฮอร์โมนที่อาจทำให้ต่อมน้ำมันบนผิวหนังอุดตันจนเกิดเป็นสิวได้ แล้ว สิวฮอร์โมนรักษายังไง ? วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีรักษาสิวฮอร์โมนให้ได้ผล มีดังนี้

วิธีที่ 1 : การใช้ยาคุมกำเนิด / ยาคุมฮอร์โมน

ยาคุมกำเนิดนั้นมีหลายประเภท ซึ่งบางตัวยาในยาคุมสามารถทำงานร่วมกันเพื่อช่วยปรับระดับฮอร์โมนที่อาจทำให้เกิดสิวได้ อย่างไรก็ตาม หากต้องใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อรักษาสิวฮอร์โมน ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง เพราะสิวที่คุณเข้าใจว่าเป็นสิวฮอร์โมนบางทีอาจเกิดจากปัจจัยอื่น อย่าง การแพ้สารเคมี, ฝุ่นละออง, การมีสุขอนามัยที่ไม่ดี ซึ่งการใช้ยาคุมอาจไม่ได้ผล

วิธีที่ 2 : การใช้ยารักษาสิว

การใช้ยารักษาสิว เช่น เรตินอยด์, Benzoyl peroxide, AHA ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่อุดตันรูขุมขน อย่างการใช้เรตินอยด์สามารถใช้รักษาสิวแบบระยะยาวได้ มันจะช่วยยับยั้งการอักเสบ ควบคุมการผลัดผิว และเพิ่มการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินให้แก่ผิว เรตินอยด์มีความเข้มข้นหลายระดับและมีข้อจำกัดในการใช้ เมื่อเริ่มใช้ครั้งแรกอาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น ผิวแห้ง แดง เป็นขุย จึงเป็นยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์เท่านั้น

3 วิธีรักษาสิวฮอร์โมน

วิธีที่ 3 : ล้างหน้าให้สะอาด

หากจำเป็นต้องแต่งหน้า การทำความสะอาด 2 ขั้นตอน เป็นสิ่งสำคัญมาก เริ่มต้นด้วยการเช็ดหน้าจากรีมูฟเวอร์สำหรับคนเป็นสิว เพื่อขจัดคราบเครื่องสำอาง สิ่งสกปรก ครีมกันแดด ฯลฯ จากนั้นจึงตามด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีฟองอ่อนโยนเพื่อให้แน่ใจว่าผิวจะสะอาดที่สุด อาจใช้ยาแต้มสิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยให้สิวแห้ง ไม่จับแกะ ให้สิวอักเสบ หมั่นล้างหน้าให้สะอาดและถูกวิธี ดูแลไม่ให้เกิดสิวใหม่ แนะนำ 9 วิธีลดความมันบนใบหน้าป้องกันการเกิดสิว


วิธีป้องกันสิวฮอร์โมน

เพื่อป้องกันการเกิดสิวฮอร์โมน คุณสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. ขั้นตอนการดูแลผิวที่สม่ำเสมอ : ทำความสะอาดใบหน้าของคุณวันละสองครั้งด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยนและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวของคุณเพื่อช่วยป้องกันการสะสมของน้ำมันส่วนเกิน

2. ใช้เครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน : เลือกผลิตภัณฑ์แต่งหน้าที่ระบุว่า “ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน” ผสมสารเคมีหรือแอลกอฮอล์ เพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตันรูขุมขน

3. กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ : อาหารที่มีอาหารไม่ขัดสีสูง รวมทั้งผลไม้ ผัก โปรตีนไม่ติดมัน และไขมันดี สามารถช่วยควบคุมฮอร์โมนและลดการอักเสบได้

4. ออกกำลังกายเป็นประจำ : การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยลดความเครียดและปรับปรุงการควบคุมฮอร์โมน

5. จัดการกับความเครียด : ความเครียดสามารถกระตุ้นความไม่สมดุลของฮอร์โมนที่ส่งผลให้เกิดสิว ดังนั้นการหาวิธีจัดการความเครียดที่ดีต่อสุขภาพ เช่น การทำสมาธิหรือการออกกำลังกายจะเป็นประโยชน์

6. หลีกเลี่ยงการแกะหรือบีบสิว : การแกะหรือบีบสิวอาจทำให้อักเสบและเกิดแผลเป็นมากขึ้นได้

7. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง : หากคุณประสบปัญหาสิวฮอร์โมนอย่างต่อเนื่อง แพทย์ผิวหนังสามารถช่วยแนะนำแผนการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อจัดการกับสิวของคุณได้ การรักษาด้วยฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิดหรือสไปโรโนแลคโตนอาจกำหนดในกรณีที่รุนแรง รู้จักกับ สิวสเตียรอยด์ รักษายังไงให้เร็วที่สุด

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าสิวฮอร์โมนสามารถคงอยู่และขึ้นมาใหม่ได้ตลอด อาจต้องใช้เวลาในการรักษา รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตต่าง ๆ เช่น เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ จัดการกับความเครียด หมั่นหาเวลาไปออกกำลังกาย เป็นต้น รวมถึงการปรึกษากับแพทย์ผิวหนังอาจเป็นประโยชน์ในการหาวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับความต้องการของแต่ละบุคคล


อ้างอิง