Browsing Category

skin care

acne skin care

วิธีเลือกสกินแคร์สำหรับคนเป็นสิว ส่วนผสมที่แนะนำและควรหลีกเลี่ยง

April 1, 2024
วิธีเลือกสกินแคร์สำหรับคนเป็นสิว

วิธีเลือกสกินแคร์สำหรับคนเป็นสิว ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสิวเป็นหนึ่งในปัญหาผิวพรรณที่ท้าทายและสามารถเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน การอุดตันของรูขุมขน หรือแม้กระทั่งสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิต การรู้จักและเข้าใจประเภทของผิวพรรณของตนเองจึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดปัญหาสิวและปรับปรุงสุขภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น บทความนี้จะมาแนะนำวิธีเลือกสกินแคร์สำหรับคนที่มีปัญหาสิว โดยจะกล่าวถึงสิวและประเภทของผิว พร้อมทั้งแนะนำส่วนผสมหลักที่ควรมองหาในสกินแคร์ เพื่อช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจทำให้สภาพผิวแย่ลง นอกจากนี้ยังรวมถึงการอ่านฉลากผลิตภัณฑ์และรีวิวจากผู้ใช้จริง เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับผิวของคุณ

 

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิว และประเภทของผิว

สิวเป็นปัญหาผิวพรรณที่พบได้บ่อย ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยรวมกัน การรู้จักและเข้าใจประเภทผิวของตัวเองไม่เพียงแต่ช่วยให้เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวอีกด้วย

  • ผิวมัน: ผิวที่ผลิตน้ำมันมากกว่าปกติ มักเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว เนื่องจากน้ำมันสามารถอุดตันรูขุมขนได้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเช่นกรดซาลิไซลิคจึงเหมาะสำหรับประเภทผิวนี้เพื่อช่วยลดการอุดตันและควบคุมน้ำมันบนผิวหน้า
  • ผิวผสม: ผิวที่มีทั้งพื้นที่ที่ผลิตน้ำมันมากและพื้นที่ที่แห้ง เช่น ผลิตน้ำมันมากบริเวณ T-zone แต่แห้งบริเวณแก้ม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถควบคุมน้ำมันโดยไม่ทำให้ผิวแห้งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประเภทผิวนี้
  • ผิวแห้ง: ผิวที่มีน้ำมันน้อย มักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสิวจากการอุดตัน แต่สามารถเกิดสิวได้จากการระคายเคืองหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้รูขุมขนอุดตันเหมาะสำหรับผิวแห้ง
  • ผิวธรรมดา: ผิวที่มีสมดุลทั้งน้ำมันและความชื้น ผู้ที่มีผิวธรรมดาอาจใช้ผลิตภัณฑ์ทั่วไปได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ผิวแห้งหรือกระตุ้นการผลิตน้ำมันมากเกินไป

การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมกับประเภทผิวของคุณเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยลดปัญหาสิวและรักษาสุขภาพผิวให้ดีที่สุด

 

ส่วนผสมหลักของสกินแคร์ที่ควรมองหา

ส่วนผสมหลักของสกินแคร์ที่ควรมองหา

ในการต่อสู้กับปัญหาสิว การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด บางส่วนผสมมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยลดการอุดตัน การอักเสบ และการผลิตน้ำมันบนผิว ด้านล่างนี้คือส่วนผสมที่ควรมองหาเมื่อเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว

  • กรดซาลิไซลิค (Salicylic Acid): กรดชนิดนี้สามารถทะลุผ่านชั้นน้ำมันบนผิวหนังได้ ช่วยในการละลายเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอาจอุดตันรูขุมขน ทำให้เป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการจัดการกับสิวและป้องกันการเกิดใหม่
  • นิอาซินาไมด์ (Niacinamide): นิอาซินาไมด์เป็นวิตามินที่ช่วยลดการอักเสบและแดงของผิวจากสิว นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันของผิวหนัง ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันและผิวผสม
  • เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide): เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว ช่วยลดการอักเสบและเป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวที่เกิดจากแบคทีเรีย

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณจัดการกับปัญหาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่ผิวหน้าที่ดูสุขภาพดีขึ้น

ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ

การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวไม่เพียงแค่ช่วยแก้ไขปัญหาที่มีอยู่แล้ว แต่ยังเป็นวิธีป้องกันสิวอุดตันไม่ให้เกิดปัญหาใหม่อีกด้วย ผลิตภัณฑ์ด้านล่างนี้ถูกคัดสรรมาเพื่อเป็นตัวช่วยในการบำรุงผิวและช่วยลดปัญหาสิวได้เป็นอย่างดี

  • Cleanser A: ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวนี้มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิคที่เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการลดการอุดตันของรูขุมขนและควบคุมน้ำมันส่วนเกินบนผิวหน้า การใช้งานสม่ำเสมอช่วยให้ผิวหน้าสะอาดและลดการเกิดสิวได้
  • Toner A: โทนเนอร์ที่มีการผสมผสานระหว่างนิอาซินาไมด์และกรดซาลิไซลิค ช่วยในการควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน ใช้หลังจากการทำความสะอาดผิว เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป
  • Moisturizer A: ครีมบำรุงผิวแบบไม่มีน้ำมันนี้ออกแบบมาเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวโดยไม่ทำให้เกิดการอุดตัน สามารถช่วยให้ผิวที่เป็นสิวได้รับการบำรุงอย่างเหมาะสมโดยไม่เพิ่มความมันหรือปัญหาสิวเพิ่มเติม

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในรูปแบบการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวหน้าสะอาดและลดการเกิดสิวได้ แต่ยังช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและมีชีวิตชีวาอีกด้วย

ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยง

การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อการรักษาสิวไม่เพียงแค่มองหาส่วนผสมที่มีประโยชน์เท่านั้น แต่ยังต้องระมัดระวังเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้สภาพผิวแย่ลง บางส่วนผสมอาจกระตุ้นการเกิดสิวหรือทำให้ปัญหาสิวที่มีอยู่แย่ลง

  • ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหนักๆ: ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันหนัก เช่น น้ำมันมิเนอรัล หรือน้ำมันมะกอก อาจทำให้รูขุมขนอุดตันมากขึ้น ส่งผลให้เกิดสิวเพิ่ม
  • ส่วนผสมที่มีแอลกอฮอล์สูง: ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบหลักอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ซึ่งเป็นสภาวะที่ทำให้ผิวพยายามผลิตน้ำมันมากขึ้นเพื่อชดเชย ส่งผลให้เกิดสิว
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคน: ซิลิโคนเป็นส่วนผสมที่พบบ่อยในเครื่องสำอาง เช่น ไพรเมอร์หรือรองพื้น ซึ่งอาจทำให้รูขุมขนอุดตันได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีซิลิโคนสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมต้องหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจทำให้ปัญหาสิวเ worse worsen เพื่อช่วยให้การรักษาสิวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการเกิดสิวใหม่

 

อ่านและเข้าใจฉลากผลิตภัณฑ์สกินแคร์

อ่านและเข้าใจฉลากผลิตภัณฑ์สกินแคร์

การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมกับผิวที่มีปัญหาสิวต้องอาศัยการอ่านและเข้าใจฉลากผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง สิ่งนี้ช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจกระตุ้นปัญหาสิวเพิ่มเติมและเลือกส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ระบุส่วนผสมหลัก: ส่วนผสมที่แสดงอยู่ที่ด้านบนสุดของรายการมักจะเป็นส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์ การรู้จักและเข้าใจส่วนผสมเหล่านี้ช่วยให้คุณประเมินได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นเหมาะสมกับผิวของคุณหรือไม่
  • หาส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง: ค้นหาส่วนผสมที่คุณทราบว่าอาจทำให้เกิดปัญหาสำหรับผิวของคุณ เช่น น้ำมันหนักๆ, แอลกอฮอล์, หรือซิลิโคน หากพบส่วนผสมเหล่านี้อยู่ในผลิตภัณฑ์ คุณอาจต้องการหลีกเลี่ยง
  • สัญลักษณ์และการรับรอง: สัญลักษณ์ต่างๆ เช่น “ไม่ทดลองกับสัตว์”, “ไม่มีสารก่อภูมิแพ้”, หรือ “ไม่อุดตันรูขุมขน” สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ ช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการและค่านิยมของคุณ

การอ่านและเข้าใจฉลากผลิตภัณฑ์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม ลดโอกาสในการเกิดปัญหาสิวเพิ่มเติม และช่วยให้ผิวของคุณดูและรู้สึกดีขึ้น

 

รีวิวและประสบการณ์จากผู้ใช้จริง

รีวิวและประสบการณ์จากผู้ใช้จริงเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่าในการตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เนื่องจากมันให้มุมมองที่หลากหลายและเปิดเผยถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงกับผู้คนที่มีสภาพผิวแตกต่างกัน

  • ความหลากหลายของรีวิว: รีวิวจากผู้ใช้จริงมีความหลากหลาย ทำให้คุณเห็นภาพรวมของประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ในแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเหมาะสมกับประเภทผิวการลดสิว หรือการควบคุมความมัน
  • รีวิวการใช้งานจริง: ประสบการณ์จริงจากผู้ใช้เปิดเผยเรื่องราวการใช้งานและผลลัพธ์ที่ได้ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณประเมินว่าผลิตภัณฑ์นั้นอาจเหมาะสมกับสภาพและความต้องการของผิวของคุณหรือไม่
  • คำแนะนำและเคล็ดลับ: ในบางครั้ง รีวิวและประสบการณ์จากผู้ใช้ยังรวมถึงคำแนะนำหรือเคล็ดลับในการใช้งานที่สามารถช่วยให้คุณได้รับประสิทธิภาพสูงสุดจากผลิตภัณฑ์

รีวิวและประสบการณ์จากผู้ใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ช่วยให้คุณมีมุมมองที่กว้างขึ้นและเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ อาจทำงานได้ดีเพียงใดสำหรับคุณ ทำให้คุณสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการและเหมาะสมกับผิวของคุณได้มากยิ่งขึ้น

 

วิธีเลือกสกินแคร์สำหรับคนเป็นสิว เป็นกระบวนการที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทผิวและสามารถช่วยแก้ไขปัญหาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรู้จักประเภทผิวของตัวเอง การเลือกส่วนผสมที่เหมาะสม การหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจทำให้สภาพผิวแย่ลง และการอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการดูแลผิว นอกจากนี้ การพิจารณาคำวิจารณ์และประสบการณ์จากผู้ใช้จริงยังเป็นวิธีที่ดีในการประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์

คำถามที่พบบ่อย

1. กรดซาลิไซลิคช่วยเรื่องสิวอย่างไร?
กรดซาลิไซลิคช่วยละลายเซลล์ผิวที่ตายแล้วและลดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิว

2. สกินแคร์ที่มีน้ำมันสามารถใช้กับผิวเป็นสิวได้หรือไม่?
ควรหลีกเลี่ยงสกินแคร์ที่มีน้ำมันหนักๆ เพราะอาจทำให้รูขุมขนอุดตันมากขึ้น ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมันหรือมีน้ำมันเบาๆ ที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน

3. เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ใช้แล้วทำไมผิวถึงแห้ง?
เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์มีฤทธิ์ในการต่อต้านแบคทีเรียและลดการอักเสบของสิว แต่อาจทำให้ผิวแห้งได้ เพื่อป้องกัน ควรใช้ครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์

4. นิอาซินาไมด์ช่วยลดสิวได้อย่างไร?
นิอาซินาไมด์ช่วยลดการอักเสบและแดงของผิวจากสิว ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันของผิวหนัง และเสริมสร้างการป้องกันผิว ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถช่วยลดการเกิดสิวและปรับปรุงสภาพผิวให้ดีขึ้น

อ้างอิง:

skin care

เรตินอล ส่วนผสมปราบเซียนในสกินแคร์ ที่สำคัญกับสาวอายุ 20+

July 8, 2021
เรตินอล ส่วนผสมปราบเซียนในสกินแคร์

เรตินอลเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินเอที่ใช้กันทั่วไปในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อช่วยปรับปรุงลักษณะของริ้วรอย รอยย่น และสัญญาณอื่น ๆ ของวัย เรตินอลทำงานโดยการเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับปรุงเนื้อผิว ทั้งยังช่วยปรับปรุงลักษณะที่ปรากฏของจุดด่างดำ รอยดำ และสิว โดยเพิ่มการผลัดเซลล์และลดการอักเสบ เรียกได้ว่าเป็น ส่วนผสมปราบเซียนในสกินแคร์หลาย ๆ ตัวเลยทีเดียว และวันนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้กับ เรตินอล กันให้มากขึ้น

เรตินอล คืออะไร

เรตินอล คือ รูปแบบหนึ่งของวิตามินเอที่เป็นสารในกลุ่มเรตินอยด์ แล้วเรตินอยด์ก็เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเออีกที ปัจจุบันถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในสกินแคร์และผลิตภัณฑ์ปรนนิบัติผิว ประเภท Anti-Aging อย่างแพร่หลาย เพื่อส่งเสริมการผลัดผิวใหม่และเสริมสร้างการผลิตคอลลาเจน (ที่จะเริ่มลดลงในวัย 30 ปี) จึงไม่แปลกที่ส่วนผสมดังกล่าวจะกลายเป็นส่วนผสมสุดฮิตในสกินแคร์หลายตัว หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับการดูแลผิวอย่าง ริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น ขนาดรูขุมขน และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ คุณอาจต้องปรับการใช้เรตินอลให้เป็นสกินแคร์รูทีนแล้วตั้งแต่ตอนนี้! แนะนำ เลือกสกินแคร์ใช้อย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว

การทำงานของเรตินอลทำได้หลายระดับ สามารถออกฤทธิ์ชั้นใต้ผิวหนังในระดับเซลล์ ส่งเสริมการหมุนเวียนของเซลล์โดยเพิ่มอัตราการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งมีผลต่อการสร้างเซลล์ที่ผิดปกติให้กลับไปสู่สภาพปกติ ต่อสู้กับสัญญาณแห่งวัย ช่วยลดและป้องกันการเกิดริ้วรอย เรตินอลไม่ได้เด่นแค่เรื่องของริ้วรอย แต่ยังเด่นในเรื่องรักษาสิว ซึ่งจะช่วยปรับผิวให้ดูเรียบเนียน รูขุมขนดูกระชับ ส่วนหนึ่งเกิดจากไม่มีคอมีโดนอุดอยู่ข้างใน รูขุมขนที่สะอาดจะแลดูเล็กลง ลดการสร้างน้ำมันบนใบหน้า ลดการอักเสบของสิว และลดการเจริญเติบโตของเชื้อ P.acne นอกจากนี้การหมุนเวียนของเซลล์ยังช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอด้วย


ควรเริ่มใช้เรตินอลเมื่ออายุเท่าไหร่

"</p

“อายุ 20 ปลาย ๆ – 30 ต้น ๆ เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะเริ่มใช้เรตินอล” แม้ว่าจะไม่มีเวลากำหนดที่จะใช้เรตินอล แต่อายุ 30 มักเป็นช่วงที่คอลลาเจนจะเริ่มลดน้อยลงตามอายุที่มากขึ้น เมื่อขาดคอลลาเจนผิวจะดูมีริ้วรอยและไม่สดใสเหมือนเดิม แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ใช้ส่วนผสมดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการดูแลผิวช่วงอายุ 20 กลาง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีปัญหาเรื่องสิวหรือผิวคล้ำเสีย

ทั้งนี้ เรตินอลถูกอนุญาตให้ใช้ในเครื่องสำอางได้ตามกฎ FDA ทั่วโลก ส่วนอนุพันธุ์ Retinoic Acid หรือ ที่รู้จักในชื่อการค้าว่า Retin-A ยาทารักษาสิว ที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ ซึ่งมีสถานะเป็นยาไม่ใช่เครื่องสำอาง หากจะใช้ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเท่านั้น เพราะความเป็นยาซึ่งต้องควบคุมและมีความเข้มข้นค่อนข้างสูงอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้


ประโยชน์ของเรตินอล

เรตินอลเป็นวิตามินเอรูปแบบหนึ่งที่ขึ้นชื่อในด้านประโยชน์ในการต่อต้านริ้วรอย จึงมีประโยชน์ต่อผิวหลายประการ ได้แก่

1. ช่วยลดการเกิดรอยเหี่ยวย่น : เรตินอลสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งสามารถช่วยลดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นบนผิวหนังได้ หรือคุณอาจสนใจ วิธีทำให้ผิวหน้าดูกระชับขึ้น

2. ช่วยปรับปรุงเซลล์ผิว : โดยช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ เรตินอลสามารถช่วยปรับปรุงผิวและส่งเสริมให้ผิวเรียบเนียนและสม่ำเสมอยิ่งขึ้น

3. ลดการปรากฏของจุดด่างดำและรอยดำ : เรตินอลสามารถช่วยลดการผลิตเมลานิน ซึ่งจะนำไปสู่การลดลงของจุดด่างดำและรอยดำต่าง ๆ

4. ป้องกันการเกิดสิว : เรตินอลสามารถช่วยลดการอักเสบและเปิดรูขุมขน ทำให้เป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิว หากคุณกำลังประสบปัญหาสิวลอง 9 วิธีป้องกันการเกิดสิว

5. เพิ่มความชุ่มชื้นของผิว : เรตินอลสามารถช่วยปรับปรุงความสามารถของผิวในการกักเก็บความชุ่มชื้น ซึ่งสามารถช่วยปรับปรุงความชุ่มชื้นของผิวและลดความแห้งกร้านและผิวลอกเป็นขุยได้

สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าเรตินอลสามารถระคายเคืองต่อผิวหนังได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย แนะนำให้เริ่มด้วยเรตินอลที่มีความเข้มข้นต่ำและค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นเมื่อผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เรตินอลในตอนกลางคืนและต้องทาครีมกันแดดเสมอในระหว่างวัน เนื่องจากเรตินอลสามารถทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น

คำแนะนำสำหรับวิธีการใช้

  • ควรจะเริ่มใช้จากที่มีความเข้มข้นจากน้อยไปมาก ผลงานวิจัยที่ได้ถูกตีพิมพ์บ่งชี้ว่าเรตินอล ที่มีความเข้มข้นต่ำเพียง แค่ 0.01% ก็มีประสิทธิภาพมากพอที่จะช่วยลดปัญหาริ้วรอยแห่งวัยต่าง ๆ ได้ เพียงใช้เป็นประจำและสม่ำเสมอ
  • ความเชื่อที่ว่า ห้ามใช้ Retinol + AHA/BHA ร่วมกัน ไม่เป็นความจริง เพราะสารสองตัวทำงานต่างกัน เรตินอลจะกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเพื่อสร้างเซลล์ผิวใหม่ ในส่วนของกรด AHA และ BHA ขจัดเซลล์ผิวชั้นบนสุดเพื่อเผยเซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ข้างล่าง สารสองตัวสามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อเผยให้เห็นสีผิวที่สม่ำเสมอและสุขภาพผิวที่ดียิ่งขึ้น
  • สามารถใช้ได้ทั้ง 2 เวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่มักถูกแนะนำให้ใช้ในเวลากลางคืนมากกว่ากลางวัน เพราะเข้าใจว่าผิวจะไวต่อแสงมากกว่า ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่ว่าจะใช้ในช่วงเวลาใดก็ทำให้ผิวไวต่อแสงได้ทั้งนั้น ที่สำคัญอยู่ที่การทาครีมกันแดด ที่มีค่า SFP ไม่ต่ำกว่า 30 ในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อให้ผิวได้ประโยชน์สูงสุด หลังล้างหน้าและซับหน้าให้สะอาดแล้วให้ทาเรตินอล ตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นลำดับสุดท้ายในของขั้นตอนการดูแลผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  • ส่วนใหญ่นิยมใช้ในบริเวณผิวหน้า แต่หากคุณต้องการดูแลเพื่อแก้ปัญหาผิวส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอย่าง บริเวณคอ หัวไหล่ อก หรือ บริเวณหลัง ก็สามารถทำได้เช่นกัน

เรตินอลก็มีผลข้างเคียง

คำแนะนำสำหรับวิธีการใช้

แม้ว่าเรตินอลจะมีคุณสมบัติที่ดีต่อผิวอย่างมากมายและตอบโจทย์ใครหลายคน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะกับทุกสภาพผิว หากคุณเป็นโรคทางผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือกลาก ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการใช้สารดังกล่าว เนื่องจากยาเรตินอลจะออกฤทธิ์แรงเกินไปสำหรับผิว อาจเพิ่มการอักเสบ ความแห้งกร้าน และความไวในผิวที่บอบบางอยู่แล้ว รวมไปถึงคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ อยู่ในช่วงให้นมบุตร หรือผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หากเป็นกรณีนี้ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้จะดีที่สุด

โดยรวมแล้ว เรตินอลสามารถเป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในขั้นตอนการดูแลผิวที่รอบด้าน แต่สิ่งสำคัญคือต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์เสมอ


อ้างอิง